สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในไทยทวีความรุนแรง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และหลายจังหวัด ล่าสุด หมอแล็บแพนด้า (ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน) แชร์ประสบการณ์พบเลือดกำเดาไหลแม้อยู่ในบ้าน สะท้อนความรุนแรงของปัญหา
อาการเมื่อร่างกายสัมผัสฝุ่น PM 2.5:
ระยะแรก: ไอ จาม แสบจมูก ระคายคอ มีเสมหะ
ระยะกลาง: ไอเรื้อรัง 3-8 สัปดาห์ เสมหะเปลี่ยนสี เหนื่อยง่าย
ระยะรุนแรง: ส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือด เจ็บหน้าอก ใจสั่น
ระยะยาว: เสี่ยงโรคปอดเรื้อรังและมะเร็งปอด
วิธีป้องกันตัวจากฝุ่นพิษ:
เช็กค่าฝุ่นผ่านแอพ AirVisual หรือ Air4Thai
สวมหน้ากาก N95 เมื่อออกนอกบ้าน
หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง
ใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้าน
ดื่มน้ำมากๆ ช่วยขับสารพิษ
กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก คนท้อง และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ หอบหืด หรือโรคปอด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นโดยตรง
2.โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง - พบได้ในกรณีที่เป็นอาการไอต่อเนื่องนาน 3-8 สัปดาห์ขึ้นไป มีเสมหะเป็นสีขาว สีเหลือง หรือมีเลือดปน นอกจากนี้จะรู้สึกเกิดอาการเหนื่อย โดยอาจเพิ่มมากขึ้น กระทบต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
4.โรคปอดเรื้อรัง และมะเร็งปอด - พบได้ในกรณีที่สูดเอาฝุ่นละออง PM 2.5 สะสมเข้าไปเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะมากหมดเรี่ยวแรง หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ซึ่งอาจรุนแรงและกลายเป็นเซลล์มะเร็งที่อาจลุกลามไปทั่วปอด เกิดเป็นโรคมะเร็งปอดได้