ฝรั่งเศส พบ โครเอเชีย โอลีเซ่ซัดพาตราไก่ ลิ่วรอบรองชนะเลิศ

ฝรั่งเศส พบ โครเอเชีย โอลีเซ่ซัดพาตราไก่ ลิ่วรอบรองชนะเลิศ
2 views
Published: 24/03/2025

ผลบอล ฝรั่งเศส พบ โครเอเชีย ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 สนาม สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ระอุด้วยเสียงเชียร์ของแฟนบอลกว่า 80,000 คน เมื่อฝรั่งเศสที่เสียเปรียบจากนัดแรก พลิกสถานการณ์เอาชนะโครเอเชีย 2-0 ในเวลาปกติ ก่อนชนะจุดโทษ 5-4 คว้าตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ไปพบกับสเปน

ฝรั่งเศส พบ โครเอเชีย แรงกดดันก่อนเกมของทัพตราไก่

ก่อนเกมนี้ ฝรั่งเศสตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก หลังบุกไปแพ้ที่ซาเกร็บ 0-2 ในนัดแรก ทำให้เกมนี้พวกเขาต้องเอาชนะให้ได้ด้วยสกอร์ 3 ประตูขึ้นไปหากหวังจะผ่านเข้ารอบโดยไม่ต้องดวลจุดโทษ

ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือทีมตราไก่ ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงผู้เล่นจากเกมนัดแรกถึง 4 ตำแหน่ง โดยเรียก ไมค์ เมนญอง, วิลเลี่ยม ซาลีบา, บรัดเล่ย์ บาร์กโกล่า และ ไมเคิ่ล โอลีเซ่ มาเสริมทัพ พร้อมปรับระบบเล่นเป็น 4-2-3-1 เน้นความเร็วและความคล่องตัวในแนวรุก

ด้านซลัตโก ดาลิช กุนซือทีมตาหมากรุก เลือกวาง ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์จอมเก๋าวัย 38 ปี เป็นตัวชูเกมตามเคย พร้อมกับส่ง อันเต บูดิมีร์ เป็นหัวหอกตัวเป้า โดยหวังจะรักษาสกอร์นำและรอโอกาสโต้กลับ

ฝรั่งเศส พบ โครเอเชีย ครึ่งแรกไร้ประตู 

เกมเริ่มขึ้นด้วยจังหวะครองบอลเหนือกว่าของเจ้าบ้าน ฝรั่งเศสพยายามเปิดเกมรุกตั้งแต่นาทีแรก โดยมี คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ อุสมาน เดมเบเล่ หลุดเข้าไปสร้างอันตรายหลายครั้ง

นาทีที่ 13 เอ็มบัปเป้ ได้ยิงฟรีคิกระยะ 25 หลา แต่บอลพุ่งเหนือคานไปเพียงเล็กน้อย สร้างเสียงฮือฮาให้แฟนบอลเจ้าถิ่น

ความกดดันเริ่มทวีขึ้น เมื่อนาฬิกาเดินเข้าสู่นาทีที่ 22 ฝรั่งเศสได้ลุ้นอีกครั้งจากการโหม่งของ อูปาเมกาโน่ ที่เปิดมาจากลูกเตะมุม แต่ ลิวาโควิช พุ่งปัดออกหลังได้อย่างยอดเยี่ยม

โครเอเชียแทบไม่มีโอกาสโต้กลับที่อันตราย มีเพียงจังหวะเดียวในนาทีที่ 35 เมื่อ โมดริช จ่ายบอลทะลุช่องให้ เปริชิช หลุดเข้าไปยิง แต่ เมนญอง ออกมาปิดมุมได้ทัน

จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0 แม้ฝรั่งเศสจะครองเกมได้มากกว่าถึง 65% แต่กลับทำอะไรแนวรับที่แข็งแกร่งของโครเอเชียไม่ได้

ผลบอล ฝรั่งเศส พบ โครเอเชีย โอลีเซ่ทำคนเดียวสองประตู ปลดล็อคทีมตราไก่

ครึ่งหลังเริ่มขึ้นมาได้เพียง 8 นาที การรอคอยของแฟนบอลฝรั่งเศสก็สิ้นสุดลง เมื่อทีมได้ฟรีคิกในตำแหน่งอันตรายทางฝั่งขวา ไมเคิ่ล โอลีเซ่ รับหน้าที่สังหารและเขาทำได้อย่างดี และการซัดบอลด้วยซ้ายโค้งข้ามกำแพงตุงตาข่าย เป็นประตูที่ 1-0 ให้กับฝรั่งเศส

ประตูนี้เสมือนการปลดล็อคให้กับทีมตราไก่ พวกเขาเริ่มเล่นได้คล่องตัวและคมขึ้น ในขณะที่โครเอเชียเริ่มมีอาการลนลานและเปิดพื้นที่มากขึ้น

นาทีที่ 65 เดส์ชองส์ ส่ง อองตวน กรีซมันน์ ลงมาแทน บาร์กโกล่า เพื่อเพิ่มความคม และการเปลี่ยนตัวนี้ส่งผลดีทันที เมื่อกรีซมันน์มาช่วยเชื่อมเกมและสร้างโอกาสได้มากขึ้น

จนกระทั่งนาทีที่ 80 จังหวะโต้กลับอันรวดเร็วของฝรั่งเศส โอลีเซ่ ที่กำลังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม สอดขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนตบหักเข้ากลางให้ เดมเบเล่ วิ่งมาแปสบายๆ เป็นประตูที่ 2-0 ทำให้สกอร์รวมสองนัดกลับมาเท่ากันที่ 2-2

นาทีที่ 85 โครเอเชียเกือบได้ประตูที่จะพลิกเกมกลับ เมื่อ อันเดร ครามาริช หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ แต่จังหวะสุดท้ายเขากลับยิงไปติดขา เมนญอง ที่ออกมาปิดมุมได้อย่างยอดเยี่ยม

จบ 90 นาที ฝรั่งเศสชนะ 2-0 ทำให้สกอร์รวมเท่ากันที่ 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษ

ช่วงต่อเวลาเจาะไม่เข้า การดวลจุดโทษตัดสิน

ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งสองทีมเริ่มแสดงอาการล้า โอกาสทำประตูเกิดขึ้นน้อยลง แม้ทั้งสองฝ่ายจะพยายามส่งผู้เล่นสำรองลงมาเพื่อเพิ่มความสดใหม่

นาทีที่ 108 ฝรั่งเศสได้โอกาสทองเมื่อ เอ็มบัปเป้ เลี้ยงบอลหลุดเข้าเขตโทษก่อนยิงด้วยขวา แต่บอลไปชนเสาอย่างจัง ทำเอาแฟนบอลทั้งสนามอึ้งไปตามๆ กัน

ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีสถานการณ์ลุ้นประตูเกิดขึ้นอีก จบ 120 นาที ยังเสมอกัน 2-2 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ

ช่วงดวลจุดโทษ

ในการดวลจุดโทษ ฝรั่งเศสเลือก เอ็มบัปเป้ เป็นคนยิงคนแรก และเขาทำได้สำเร็จ ส่วนโครเอเชีย บรูโน เปตโควิช ก็ยิงเข้าเช่นกัน

คนที่สองของฝรั่งเศส โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ยิงเข้าอย่างเฉียบขาด ด้าน อันเดรย์ คราวาริช ของโครเอเชียก็ทำได้สำเร็จเช่นกัน

คนที่สามของฝรั่งเศส ชูลส์ กุนเด้ ยิงหายเข้าไปมุมขวามือของผู้รักษาประตู ขณะที่ มาร์โก ปาซาลิช ของโครเอเชียก็ยังคงรักษามาตรฐาน ยิงเข้าไปอย่างเฉียบขาด

ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเมื่อถึงผู้ยิงคนที่สี่ มานู โคเน่ ของฝรั่งเศสยังคงทำได้สมบูรณ์แบบ แต่โชคร้ายสำหรับโครเอเชียเมื่อ ลูก้า โมดริช ดาวเตะระดับตำนานกลับพลาดท่า ยิงไปติดเซฟของ เมนญอง ทำให้ฝรั่งเศสได้เปรียบ

ผู้ยิงคนสุดท้ายของฝรั่งเศสคือ โอลีเซ่ ดาวเด่นประจำเกม และเขาไม่ทำให้ผิดหวัง ซัดเข้าไปอย่างเด็ดขาด ส่งให้ฝรั่งเศสชนะในการดวลจุดโทษ 5-4 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับสเปน

ไมเคิล โอลีเซ่ ดาวรุ่งผู้กลายเป็นฮีโร่

ไมเคิล โอลีเซ่ วัย 22 ปี จากสโมสรคริสตัล พาเลซ ถือเป็นดาวเด่นของเกมนี้ ทั้งยิงประตูแรกจากลูกฟรีคิกสุดสวย, จ่ายให้ เดมเบเล่ ยิงประตูที่สอง และยังรับหน้าที่ยิงจุดโทษตัดสินได้อย่างเฉียบขาด

"นี่คือค่ำคืนที่วิเศษที่สุดในชีวิตของผม" โอลีเซ่ กล่าวหลังจบเกม "ผมไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสเป็นฮีโร่ในเกมระดับนี้ แต่วันนี้โชคเข้าข้างผมและทีมของเรา"

เมนญอง คีย์แมนในการดวลจุดโทษ

ไมค์ เมนญอง ผู้รักษาประตูจากเอซี มิลาน ถือเป็นอีกหนึ่งฮีโร่ที่ไม่อาจมองข้าม ด้วยการเซฟสำคัญในเกมปกติหลายครั้ง และสำคัญที่สุดคือการเซฟลูกยิงของ โมดริช ในการดวลจุดโทษ

"เราศึกษาจังหวะการยิงของผู้เล่นโครเอเชียมาอย่างดี" โค้ชผู้รักษาประตูของฝรั่งเศสเผย "เมนญองมีสมาธิที่ยอดเยี่ยมและเขาอ่านทางของ โมดริช ได้อย่างแม่นยำ"

การปรับแท็คติกที่ลงตัวของเดส์ชองส์

ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมในการวางแผนรับมือกับสถานการณ์ยากลำบาก การตัดสินใจเปลี่ยนระบบและผู้เล่นจากเกมแรกส่งผลให้ทีมเล่นได้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

"เกมแรกเราเล่นได้ไม่ดี แต่เรารู้ว่าเราต้องทำอะไรในเกมนี้" เดส์ชองส์ กล่าว "ผมขอชื่นชมนักเตะทุกคนที่แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณนักสู้ พวกเขาไม่ยอมแพ้จนถึงวินาทีสุดท้าย"

ศึกรอบรองเนชั่นส์ลีก ฝรั่งเศส ปะทะ สเปน

ชัยชนะนี้ทำให้ฝรั่งเศสผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ไปพบกับสเปนที่เอาชนะเยอรมนีมาได้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย การแข่งขันจะมีขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายน 2568

สถิติการพบกันของฝรั่งเศสและสเปน

ทั้งสองทีมเคยเผชิญหน้ากันมาแล้ว 36 ครั้ง โดยสเปนชนะ 16 ครั้ง, ฝรั่งเศสชนะ 13 ครั้ง และเสมอกัน 7 ครั้ง

การพบกันครั้งล่าสุดคือในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าเนชั่นส์ลีกเมื่อปี 2021 ซึ่งฝรั่งเศสเป็นฝ่ายชนะ 2-1 จากประตูชัยของ เอ็มบัปเป้ ในนาทีที่ 80

ดวลแท็คติก เดส์ชองส์ VS เดอ ลา ฟูเอนเต้

การพบกันระหว่าง ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ และ ลูอิส เดอ ลา ฟูเอนเต้ ถือเป็นการดวลแท็คติกที่น่าจับตามอง ทั้งคู่เป็นกุนซือที่มีปรัชญาการเล่นที่แตกต่างกัน เดส์ชองส์ เน้นความแข็งแกร่งและความรัดกุม ขณะที่เดอ ลา ฟูเอนเต้ชื่นชอบฟุตบอลเทคนิคและการครองบอลมากกว่า 

สำหรับแฟนบอลชาวไทยที่ชื่นชอบการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ สามารถติดตามความเคลื่อนไหว ผลการแข่งขัน และตารางการแข่งขันล่าสุดของศึกยูฟ่าเนชั่นส์ลีก รวมถึงการเผชิญหน้าระหว่างฝรั่งเศสกับสเปนในรอบรองชนะเลิศได้ที่นี่ Siamintelligence เราพร้อมอัปเดตข้อมูลและวิเคราะห์เกมการแข่งขันให้คุณแบบเจาะลึกและทันทุกเหตุการณ์แน่นอน

ข่าวอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

"คีน" เชื่อการย้ายออกส่งผลดีต่อ "แรชฟอร์ด" หลังถูกตัดชื่อเกมชนะแมนซิตี้

แรชฟอร์ด ทำผลงานได้ไม่ดีนักเมื่อกลางสัปดาห์ที่พบกับ วิคตอเรีย พัลเซ่น ในศึกยูโรป้า ลีก และ อโมริม ตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการไม่ส่งกองหน้าค่าตัว 325,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ลงสนามเกมบุกคว้าชัยเหนือ แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า 2-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก  สำหรับ...

เปิดโผ 4 ตัวเต็ง กุนซือพรีเมียร์ลีก เสี่ยงถูกปลด หลังผลงานย่ำแย่ต่อเนื่อง

สถานการณ์ล่าสุดของ 4 ตัวเต็ง กุนซือพรีเมียร์ลีก ที่เสี่ยงถูกปลด ท่ามกลางความกดดันในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2023/24 สกาย เบ็ต เจ้ามือรับพนันชั้นนำของอังกฤษ

แชมป์มาเลเซียโอเพ่น 2025 คนใหม่ บาส-เฟม สร้างประวัติศาสตร์ล่มมือ 1 ของโลก

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ บาส-เฟม คว้า แชมป์มาเลเซีย โอเพ่น 2025 ศึกชิงชัยระดับซูเปอร์ 1000 แห่งแรกของปี การแข่งขันแบดมินตัน
1 2 3 171

ข่าวล่าสุด

ทำไม เซปักตะกร้อ ถึงเป็นกีฬาที่ยากที่สุดในโลก

เคยสงสัยไหมว่าทำไม เซปักตะกร้อ ถึงดูเล่นยาก แต่เชื่อว่าหลายคนคงได้ลองเล่นกันมาแล้วจึงสัมผัสได้ว่า กีฬาประเภทนี้ต้องใช้ทักษะพอสมควรเลย

ดัชนีดาวโจนส์ DJI หรือ หุ้นนิวยอร์ก คืออะไร ต้องลงทุนยังไงบ้าง?

ในบรรดาตลาดหุ้นที่ส่งผลต่อดัชนีหุ้นทั่วโลก เชื่อว่านักลงทุนคงรู้จักคำว่า “หุ้นดาวโจนส์” หรือ “ดัชนีดาวโจนส์” กันไม่มากก็น้อย โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA)

ตลาดหุ้นไทย (SET) หุ้นไทยวันนี้ 24 มี.ค. 68 ปิดบวก 3.45 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (SET) 24 มี.ค. 2568 ปิดตลาดในแดนบวก ที่ระดับ 1,190.06 จุด เพิ่มขึ้น 3.45 จุด หรือ +0.29% หลังจากที่ภาคเช้า ปิดตลาดลดลงเล็กน้อย

สงวนลิขสิทธิ์ © 2567
เกี่ยวกับเรา
นำเสนอข่าวสารและบทวิเคราะห์เชิงลึกด้านเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และสังคมทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมมุมมองที่หลากหลายจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและการตัดสินใจที่ชาญฉลาดในยุคข้อมูลข่าวสาร
แนะนำติชม แจ้งปัญหาการใช้งาน
ร่วมงานกับเรา
crossmenuchevron-down linkedin facebook pinterest youtube rss twitter instagram facebook-blank rss-blank linkedin-blank pinterest youtube twitter instagram