หลายคนอาจเคยคิดว่า "ขับรถก็แค่เหยียบคันเร่ง แล้วหมุนพวงมาลัย มันยากตรงไหน" แล้ว ทำไมคนธรรมดาถึงขับรถแข่ง F1 ไม่ได้ แต่สำหรับในวงการมอเตอร์สปอร์ตนั้น เรื่องนี้ไกลจากความจริงมาก เพราะรถฟอร์มูล่าวันไม่ใช่แค่รถที่วิ่งเร็วธรรมดา แต่เป็นยานพาหนะที่ผ่านการพัฒนาทางวิศวกรรมขั้นสูงที่มนุษย์ทั่วไปแทบจะเข้าไม่ถึง วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยว่า ทำไมคนธรรมดาอย่างเราๆถึงขับรถ F1 ไม่ได้ แม้จะเป็นคนที่ขับรถเก่งในชีวิตประจำวันก็ตาม
ทำไมคนธรรมดาถึงขับรถ F1 ไม่ได้ ความแตกต่างทางร่างกายที่ไม่อาจเทียบได้
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมนักแข่งF1 ถึงต้องมีร่างกายที่แข็งแรงมาก คำตอบคือ พวกเขาต้องทนกับแรง G-Force หรือแรงจีที่มหาศาล ในขณะที่รถกำลังเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง นักแข่งต้องทนแรงกดที่มากถึง 5-6G นั่นหมายความว่าร่างกายของพวกเขารู้สึกหนักกว่าปกติถึง 5-6 เท่า
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองนึกภาพว่าหากคุณหนัก 70 กิโลกรัม เมื่อเข้าโค้งในรถ F1 ร่างกายของคุณจะรู้สึกเหมือนหนักถึง 350-420 กิโลกรัม นั่นคือสาเหตุที่นักแข่ง F1 ต้องฝึกกล้ามเนื้อคออย่างหนัก เพราะศีรษะของพวกเขาที่มีหมวกกันน็อคหนักราว 1.5 กิโลกรัม จะรู้สึกหนักถึง 7.5-9 กิโลกรัมในขณะเข้าโค้ง
ข้อมูลจากนักกายภาพบำบัดประจำทีม F1 ระบุว่า นักแข่งส่วนใหญ่สามารถออกแรงกล้ามเนื้อคอได้มากกว่า 40 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าคนทั่วไปถึง 5-10 เท่า และนี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
อุณหภูมิในห้องขับที่สูงเกินทน
อีกปัจจัยหนึ่งที่คนธรรมดาแทบจะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้และฝึกฝน กับการสัมผัสอุณหภูมิภายในห้องขับ ในการแข่งขันที่ร้อนจัดอย่างสนามในประเทศสิงคโปร์หรือมาเลเซีย อุณหภูมิในห้องขับสามารถสูงถึง 50-60 องศาเซลเซียส นั่นคือเหตุผลที่นักแข่งสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 3-4 กิโลกรัมจากเหงื่อที่ออกในการแข่งเพียงครั้งเดียว
จากการวิจัยของทีมแพทย์ประจำการแข่งขันฟอร์มูล่าวันพบว่า อัตราการเต้นของหัวใจนักแข่งสามารถสูงถึง 170-190 ครั้งต่อนาที ตลอดการแข่งขันที่นานกว่า 1.5-2 ชั่วโมง เทียบเท่ากับการวิ่งมาราธอนที่ระดับความหนักสูง
ความซับซ้อนของเทคโนโลยีที่เกินความเข้าใจ
หนึ่งในเหตุผลที่ว่า ทำไมมนุษย์ทั่วไปถึงขับรถ F1 ไม่ได้ ลองคิดดูแบบเห็นภาพว่า หากคุณเคยเล่นเกมส์แข่งรถ F1 และคิดว่าเข้าใจการทำงานของรถแล้ว แต่ความเป็นจริงห่างไกลกว่านั้นมาก พวงมาลัยรถเอฟวัน มีปุ่มควบคุมมากกว่า 20 ปุ่ม หน้าจอแสดงผลดิจิตอล และระบบคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน นักแข่งต้องจัดการกับการตั้งค่าต่างๆ มากมายขณะขับด้วยความเร็วสูงถึง 300 กม./ชม.
ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาต้องปรับการตั้งค่า Engine Mapping, Brake Balance, Differential Settings และอื่นๆ อีกมากมายในขณะที่ขับรถแข่งด้วยความเร็วสูง และต้องคิดเรื่องยุทธศาสตร์การแข่งขันไปพร้อมๆ กัน
ข้อมูลจากวิศวกรประจำทีมฟอร์มูฃ่าวันชั้นนำเปิดเผยว่า นักแข่งต้องจดจำการตั้งค่ามากกว่า 50 รูปแบบสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ และต้องตัดสินใจเลือกใช้ภายในเสี้ยววินาที
การควบคุมรถที่ตอบสนองไวเกินคาด
รถเอฟวันมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.6 วินาที และสามารถเบรกจาก 100-0 กม./ชม. ในระยะทางเพียง 15 เมตร ซึ่งสร้างแรงเหวี่ยงที่รุนแรงมาก คนทั่วไปที่ไม่ได้รับการฝึกฝนอาจหมดสติเมื่อเจอแรงเบรกขนาดนี้
มีการทดลองให้นักขับรถยนต์ทั่วไปที่มีประสบการณ์สูงทดลองขับรถในสนามทดสอบ และผลลัพธ์คือ พวกเขาไม่สามารถควบคุมรถได้แม้ที่ความเร็วเพียง 40% ของศักยภาพรถเท่านั้น เพราะระบบควบคุมรถที่ตอบสนองไวมากจนเกินคาดการณ์
ทักษะเฉพาะทางที่ต้องฝึกฝนตั้งแต่เด็ก
ทำไมคนส่วนใหญ่จึงขับรถ F1 ได้ยาก น่ะเหรอ ก็เพราะว่าประสาทสัมผัสที่นักแข่งมีมากกว่าคนธรรมดา ได้มีการวิจัยเกี่ยวกับประสาทสัมผัสของนักแข่งชั้นนำอย่าง ลูอิส แฮมิลตัน และ แม็กซ์ เวอร์สแตปเปน พบว่า พวกเขามีเวลาตอบสนอง (Reaction Time) เร็วกว่าคนทั่วไปถึง 0.2 วินาที ซึ่งที่ความเร็ว 300 กม./ชม. นั่นหมายถึงระยะทางถึง 16 เมตร
นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนและการเปลี่ยนแปลงของรถได้ละเอียดยิบ จนสามารถบอกได้ว่ายางกำลังจะเสียยึดเกาะเมื่อไร หรือมีปัญหาเล็กๆ ที่เครื่องยนต์ก่อนที่เครื่องมือวัดจะตรวจพบด้วยซ้ำ
การฝึกร่างกายสุดโหด ที่นักขับ F1 ต้องทำเป็นประจำ
นักแข่งรถฟอร์มูล่าวันทุกคน จะต้องผ่านการฝึกร่างกายที่หนักหน่วงไม่แพ้นักกีฬาโอลิมปิก โดยเฉพาะการฝึกความอดทนของระบบหัวใจและหลอดเลือด พวกเขาต้องมีค่า VO2 Max ในปริมาณออกซิเจนสูงสุดที่ร่างกายสามารถใช้ได้ ในระดับเดียวกับนักวิ่งมาราธอนชั้นนำ
จากข้อมูลของโค้ชส่วนตัวของนักแข่งหลายคนเผยว่า นักแข่งทุกคนจะต้องทำการฝึกซ้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจมากกว่า 5-6 ชั่วโมงต่อวัน นอกเหนือจากการขับรถจริง และส่วนใหญ่เริ่มฝึกตั้งแต่อายุไม่ถึง 10 ปี เรียกได้ว่าเป็นความเข้ม
การฝึกซิมูเลเตอร์นับพันชั่วโมง
หลายคนอาจไม่ทราบว่า นอกจากการฝึกซ้อมในสนามจริง นักแข่งยังต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยชั่วโมงต่อปีในการฝึกกับซิมูเลเตอร์ขั้นสูงที่มีราคาหลายล้านบาท เพื่อเรียนรู้เส้นทางและตั้งค่ารถให้เหมาะกับแต่ละสนาม
ทีม Mercedes-AMG Petronas เปิดเผยว่า ลูอิส แฮมิลตัน ใช้เวลากับซิมูเลเตอร์ไม่ต่ำกว่า 25-30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงเตรียมตัวก่อนการแข่งขันแต่ละครั้ง เทียบเท่ากับการทำงานเต็มเวลาอีกงานหนึ่ง
ความเข้าใจทางวิศวกรรมที่ลึกซึ้ง
ซึ่งนักแข่งจะไม่ได้เป็นเพียงคนขับรถเท่านั้น แต่ต้องมีความเข้าใจทางวิศวกรรมยานยนต์อย่างลึกซึ้ง พวกเขาต้องสามารถสื่อสารกับทีมวิศวกรเพื่อปรับแต่งรถให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
จากข้อมูลของวิศวกรหัวหน้าทีม Red Bull Racing เผยว่า นักแข่งที่ประสบความสำเร็จต้องเข้าใจหลักการทางอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) ระบบช่วงล่าง (Suspension) และพลศาสตร์ของยาง (Tire Dynamics) ในระดับที่สามารถช่วยทีมพัฒนารถได้
สรุปแล้ว ทำไมคนธรรมดาถึงขับรถ F1 ไม่ได้ จริงๆ
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งหมดข้างต้นแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่คนธรรมดาไม่สามารถขับรถแข่ง Formula1 ได้ แม้แต่นักขับรถแข่งประเภทอื่นยังต้องใช้เวลาปรับตัวอย่างมากเมื่อข้ามมาสู่ F1 เพราะเป็นกีฬาที่ต้องการทั้งความสามารถทางกายภาพขั้นสูง ประสาทสัมผัสที่เฉียบคม ความเข้าใจทางเทคนิค และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องยาวนาน
การได้ชมการแข่งขัน F1 จึงไม่ใช่เพียงการดูรถวิ่งเร็ว ๆ แต่เป็นการชมศิลปะชั้นสูงของมนุษย์ที่ผ่านการฝึกฝนจนเกือบเหนือขีดจำกัดของมนุษย์ธรรมดา
สำหรับใครที่อยากติดตามข่าวสาร ตารางการแข่งขัน และผลการแข่งขัน F1 สนามล่าสุดกับเราได้ที่ Siamintelligence เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลกีฬาความเร็วครบวงจรที่สุดในไทย ที่จะพาคุณไปสัมผัสโลกของความเร็วสุดมันส์ตลอดฤดูกาล2025 นี้