จีนมอบ 'บัวหิมะ' 200 หลอด ช่วยรักษาเหยื่อไฟไหม้รถบัสนักเรียน

ในวันที่ 2 ตุลาคม 2566 เกิดเหตุการณ์สำคัญที่แสดงถึงมิตรภาพระหว่างประเทศไทยและจีน เมื่อรัฐบาลจีนได้ส่งมอบยาสมุนไพร "บัวหิมะ" จำนวน 200 หลอด เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้รถบัสนักเรียนในประเทศไทย

การส่งมอบยา บัวหิมะ จากจีนสู่ไทย

พิธีรับมอบยาบัวหิมะ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง เวลาประมาณ 15.00 น. ณ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ได้มีพิธีรับมอบผลิตภัณฑ์ยาบัวหิมะจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้แทนระดับสูงจากทั้งสองประเทศเข้าร่วม ได้แก่

1. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข
2. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม
3. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
4. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์
5. นายอู๋ จื้ออู่ อุปทูตสถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย

ยาบัวหิมะที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน จำนวน 200 หลอด มูลค่า 200,000 บาท มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและลดการเกิดแผลเป็นบนผิวหนังที่ถูกไฟไหม้ เป็นสินค้าที่มีการผลิตใหม่ในช่วงวันชาติจีนที่ผ่านมาไม่กี่วันก่อนหน้านี้ และมีการนำเข้าถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ

ประโยชน์ของยา บัวหิมะ ต่อผู้ประสบเหตุ

การรักษาแผลไฟไหม้ด้วยยาบัวหิมะ เป็นที่รู้จักกันดีในประสิทธิภาพการรักษาแผลไฟไหม้ โดยมีคุณสมบัติสำคัญดังนี้ 

1. บรรเทาความเจ็บปวด ช่วยลดความทรมานจากบาดแผลไฟไหม้
2. ลดการอักเสบช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
3. ป้องกันการติดเชื้อ มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย
4. ส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ช่วยให้ผิวหนังฟื้นตัวได้ดีขึ้น
5. ลดโอกาสเกิดแผลเป็น ช่วยให้ผิวหนังกลับมาเรียบเนียนใกล้เคียงเดิม

การนำไปใช้กับผู้ประสบเหตุรถบัสไฟไหม้

ยาบัวหิมะที่ได้รับบริจาคจะถูกนำไปใช้กับนักเรียนที่ประสบเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษา ซึ่งจะช่วยในกระบวนการรักษาและฟื้นฟูสภาพผิวหนังของผู้ประสบเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสัมพันธ์ไทย-จีนผ่านการช่วยเหลือทางการแพทย์

การส่งมอบยาบัวหิมะครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงน้ำใจ และมิตรภาพระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือทางการแพทย์ ระหว่างไทยและจีน โดยเฉพาะในยามที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน การแลกเปลี่ยนความรู้ และทรัพยากรทางการแพทย์ระหว่างสองประเทศ จะช่วยยกระดับการดูแลสุขภาพของประชาชนในภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน

ท้ายที่สุด การส่งมอบยาบัวหิมะครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานของผู้ประสบเหตุเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและจีนที่จะยังคงแน่นแฟ้นต่อไปในอนาคต