อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งเอาผิดบริษัททัวร์ฝ่าฝืนนำนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่อันตราย

ในวันที่ 7 สิงหาคม 2567 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกมาแถลงการณ์อย่างเด็ดขาดหลังเกิดเหตุการณ์สลดที่ถ้ำน้ำทะลุ อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยสั่งการให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับบริษัททัวร์ที่ฝ่าฝืนนำนักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่ที่ประกาศปิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย

นายอรรถพล เปิดเผยว่า "ได้รับรายงานจากนายกุลบล พลวัน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก ว่าได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 31 คน และไกด์นำเที่ยว 1 คน แต่น่าเสียดายที่มีไกด์นำเที่ยวอีก 1 คน ชื่อนายกองยศ ปองดี เสียชีวิต" ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงความรวดเร็วในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่ก็สะท้อนถึงความรุนแรงของสถานการณ์

ดร.สมชาย นักอุตุนิยมวิทยาอาวุโส ให้ความเห็นว่า "ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ น้ำป่าไหลหลากเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก แม้จะมีระบบเตือนภัย แต่บางครั้งก็อาจไม่ทันการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศแบบถ้ำหรือหุบเขา" คำอธิบายนี้ช่วยให้เข้าใจถึงความเสี่ยงที่แฝงอยู่ในการท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว

อธิบดีกรมอุทยานฯ ยังเน้นย้ำว่า "กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวประจำปี บริเวณถ้ำทะลุ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-30 พ.ย. ของทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝน มีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ถ้ำน้ำทะลุเป็นประจำทุกปี" ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงมาตรการป้องกันที่มีอยู่แล้ว แต่ถูกละเลยโดยผู้ประกอบการบางราย

นางสาวสุดา ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้ความเห็นว่า "เหตุการณ์นี้ควรเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกฝ่าย ทั้งผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว และหน่วยงานภาครัฐ ในการตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด" คำแนะนำนี้ชี้ให้เห็นถึงความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย

นายอรรถพล ยังได้กล่าวเตือนว่า "ขอฝากเตือนไปยังบริษัทนำเที่ยวทุกแห่ง ตลอดจนนักท่องเที่ยว ให้ตรวจสอบการปิดแหล่งท่องเที่ยวประจำปีของอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ และการปิดแหล่งท่องเที่ยวในกรณีฉุกเฉิน โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน" คำเตือนนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของหน่วยงานภาครัฐในการป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า แต่ยังเป็นกรณีศึกษาสำคัญในการพัฒนาระบบการจัดการการท่องเที่ยวในพื้นที่เสี่ยงภัย และการสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์สลดเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต