คดีพลิกคุณยาย 73 ถูกลูกทิ้ง นั่งร้องไห้ตากแดดใต้สะพาน เพื่อนบ้านเผยความจริง

เหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้พบเห็นเกิดขึ้นเมื่อมีการพบคุณยายวัย 73 ปี นั่งรถเข็นวีลแชร์อยู่ใต้สะพานพระราม 5 ใกล้กับปากซอยนรินทร์กลึง ตำบลบางไผ่ ในสภาพที่กำลังร้องไห้ คุณยายเล่าว่าตนถูกลูกสาวคนเล็กทิ้ง หลังจากมีปากเสียงกันเรื่องการไปทำบุญใส่บาตรให้กับลูกสาวคนโตที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยลูกสาวคนเล็กได้ต่อว่าและให้ลูกเขยอุ้มขึ้นรถแท็กซี่มาพร้อมกับรถเข็น แล้วมาจอดปล่อยไว้ตรงนี้

เรื่องราวนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากสังคม และหลายคนแสดงความเห็นใจต่อคุณยาย อย่างไรก็ตาม เรื่องราวได้พลิกผันเมื่อรายการ ลุยชนข่าว ได้สัมภาษณ์เพื่อนบ้านของครอบครัวคุณยาย ซึ่งเปิดเผยอีกด้านของเรื่องราวที่แตกต่างออกไป

เพื่อนบ้านเล่าว่า ความจริงแล้วคุณยายติดการพนันอย่างหนัก ลูกสาวคนเล็กดูแลอย่างดีและให้เงินใช้ แต่คุณยายมักเอาเงินไปเล่นไพ่จนหมด นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น เวลาอยู่กับลูกสาวมักจะแสร้งทำเป็นจำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อเข้าวงไพ่กลับมีความจำดีและสมองแล่น คุณยายเคยเล่นการพนันจนต้องขายบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้
ลูกสาวของคุณยายได้ออกมาเปิดใจกับทีมข่าวว่า เธอไม่ได้ทิ้งแม่อย่างที่เป็นข่าว แต่ให้เงินแม่ใช้วันละ 100 บาท ซึ่งแม่มักเอาไปเล่นไพ่ ส่วนเรื่องที่แม่อ้างว่าไม่ให้ไปทำบุญให้พี่สาวที่เสียชีวิตนั้น ความจริงแล้วเธอได้ให้เงินไปแล้ว แต่ไม่ว่างไปทำบุญด้วยเพราะต้องทำงานหาเงิน เมื่อแม่ตัดพ้อ เธอจึงให้แฟนเรียกแท็กซี่ให้แม่ไปทำบุญเอง แต่แม่กลับไปลงที่ใต้สะพานพระราม 5 และอ้างว่าถูกทิ้ง

นอกจากนี้ ลูกสาวยังเล่าว่า ระหว่างที่อยู่บนแท็กซี่ แม่ได้ทะเลาะกับคนขับ เนื่องจากหาที่เล่นไพ่ไม่เจอ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการติดการพนันที่ร้ายแรงของคุณยาย
เรื่องราวนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า บางครั้งสิ่งที่เราเห็นหรือได้ยินครั้งแรกอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด การรับฟังทุกฝ่ายและพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในยุคที่ข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านสื่อสังคมออนไลน์

นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการติดการพนันในผู้สูงอายุ ซึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อครอบครัวและสังคม การให้ความรู้และการสนับสนุนทางจิตวิทยาแก่ผู้ที่มีปัญหาการพนัน รวมถึงครอบครัวของพวกเขา อาจเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาว