ในวันที่ 10 กันยายน 2024 ศึกบอลกระชับมิตร เวียดนาม พบ ไทย ได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญด้วยการบุกเอาชนะ เวียดนามถึงถิ่น 2-1 ในเกมกระชับมิตรที่กรุงฮานอย นับเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของทีมชุดใหม่ภายใต้การคุมทีมของ มาซาทาดะ อิชิอิ เราจะมาวิเคราะห์ 10 ประเด็นสำคัญจากเกมนี้กัน
1. จุดเปลี่ยนของเวียดนาม
นับตั้งแต่การจากไปของ พัก ฮัง-ซอ ในต้นปี 2023 เวียดนามดูเหมือนจะสูญเสียความดุดันที่เคยมี สถิติล่าสุดบ่งชี้ว่าพวกเขาแพ้ถึง 13 จาก 18 เกมหลังสุด รวมถึงความพ่ายแพ้ต่อไทยในครั้งนี้ด้วย เกมนี้จึงอาจเป็นสัญญาณว่าเวียดนามกำลังเข้าสู่ยุคถดถอยอย่างแท้จริง
2. อิชิอิกับวิสัยทัศน์แห่งอนาคต
มาซาทาดะ อิชิอิ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลด้วยการให้โอกาสแข้งหน้าใหม่หลายราย ทั้ง โจนาธาร เข็มดี, วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ, กรวิชญ์ ทะสา และ พาตริก กุสตาฟส์สัน ในฐานะตัวจริง รวมถึง อัครพงศ์ พุ่มวิเศษ และ อนันต์ ยอดสังวาลย์ จาก ลำพูน วอร์ริเออร์ส ในฐานะตัวสำรอง การตัดสินใจนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทดสอบศักยภาพของนักเตะรุ่นใหม่ แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตของทีมชาติไทยอีกด้วย
3. โจนาธาร เข็มดี การรอคอยที่คุ้มค่า
หลังจากรอคอยมานาน โจนาธาร เข็มดี ก็ได้โอกาสประเดิมสนามให้ทีมชาติไทยในวัย 22 ปี แม้จะมีช่วงปรับจูนกับเพื่อนร่วมทีมบ้าง แต่ผลงานโดยรวมของเซนเตอร์ฮาล์ฟจาก ราชบุรี เอฟซี ถือว่าน่าประทับใจ ทั้งการเล่นลูกกลางอากาศและการสกัดบอล หากรักษามาตรฐานนี้ได้ เขาจะเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยในอนาคตอย่างแน่นอน
4. เอกนิษฐ์ ปัญญา การคัมแบ็คที่สมบูรณ์แบบ
เอกนิษฐ์ ปัญญา กลับมารับใช้ชาติอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน แม้จะได้รับโอกาสไม่มากนักกับ อูราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส แต่การฝึกซ้อมอย่างหนักในญี่ปุ่นส่งผลให้เขาพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านทักษะ ความฟิต และไหวพริบในการเล่น ความทุ่มเทของเขาตลอด 90 นาทีสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะช่วยทีมอย่างแท้จริง
5. พาตริก กุสตาฟส์สัน ดาวรุ่งพุ่งแรง
พาตริก กุสตาฟส์สัน สร้างความประทับใจอย่างมากในการประเดิมสนามครั้งแรก ด้วยการยิง 1 ประตูและทำ 1 แอสซิสต์ ศูนย์หน้าเชื้อสายสวีเดนแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง ความขยัน และความเฉียบขาดในการจบสกอร์ หากเขาพัฒนาฝีเท้าต่อไปเรื่อยๆ เชื่อว่าเขาจะกลายเป็นความหวังใหม่ของทีมชาติไทยในอนาคตอันใกล้
6. สนามขรุขระ อุปสรรคที่ต้องเอาชนะ
แม้ว่าทีมชาติไทยจะครองเกมได้อย่างชัดเจนในครึ่งแรก แต่สภาพสนามที่ขรุขระเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เกมไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร การต่อบอลกับพื้นขาดความต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายจังหวะทำประตูหลุดลอยไป อย่างไรก็ตาม ทีมสามารถปรับตัวและเอาชนะอุปสรรคนี้ได้ในที่สุด
7. ความทุ่มเทเป็นทีม: กุญแจสู่ชัยชนะ
สิ่งที่น่าชื่นชมอย่างยิ่งคือการที่นักเตะทุกคนช่วยกันวิ่งตลอดทั้ง 90 นาที ทั้งในจังหวะมีบอลและไม่มีบอล แม้แต่กองหน้าตัวเป้าอย่าง พาตริก กุสตาฟส์สัน ก็ยังลงมาช่วยเกมรับ การทำงานเป็นทีมเช่นนี้ทำให้แท็กติกที่ มาซาทาดะ อิชิอิ วางไว้ประสบความสำเร็จ และนำมาซึ่งชัยชนะในที่สุด
8. ลูกกลางอากาศ อาวุธลับของช้างศึกยุคใหม่
อิชิอิ แสดงให้เห็นถึงความฉลาดในการใช้ประโยชน์จากนักเตะลูกครึ่งอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในลูกกลางอากาศ ประตูตีเสมอของ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จากการโหม่งตั้งของ กุสตาฟส์สัน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้จุดแข็งนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
9. แดนหน้า ความสอดประสานที่ต้องพัฒนา
แม้ว่าทีมจะทำประตูได้ 2 ลูก แต่การประสานงานในแดนหน้ายังมีที่ให้พัฒนาอีกมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เนื่องจากหลายคนเพิ่งประเดิมสนามหรือกลับมาติดทีมชาติ การสร้างความเข้าใจระหว่างกันต้องอาศัยเวลาและการลงเล่นร่วมกันมากขึ้น
10. การตั้งรับ จุดที่ต้องปรับปรุง
ในครึ่งหลัง ทีมชาติไทยดูจะถอยลงมาตั้งรับมากเกินไป ทำให้ถูกเวียดนามกดดันหนัก แม้จะรักษาชัยชนะไว้ได้ แต่หากเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้ อาจเกิดปัญหาได้ การรักษาสมดุลระหว่างการรุกและรับจึงเป็นสิ่งที่ อิชิอิ ต้องพัฒนาต่อไปในอนาคต
สรุปแล้ว ชัยชนะครั้งนี้ของทีมชาติไทยไม่เพียงแต่เป็นผลงานที่น่าประทับใจ แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญสำหรับอนาคตของวงการฟุตบอลไทย การผสมผสานระหว่างนักเตะรุ่นใหม่และประสบการณ์ของโค้ชอิชิอิ อาจเป็นสูตรลับที่จะพาทีมชาติไทยไปสู่ความสำเร็จในระดับนานาชาติต่อไป