หลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ ฝีดาษลิง เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เนื่องจากพบการระบาดหนักของเชื้อสายพันธุ์ใหม่ในทวีปแอฟริกา ล่าสุดเริ่มทยอยพบการระบาดของเชื้อมายังภูมิภาคเอเชียแล้ว และยังพบเคสแรกในไทยด้วย ทำให้ต้องเร่งทำความรู้จักกับโรคนี้เพื่อป้องกันตัวเอง และคนใกล้ชิด จากโรคร้ายอย่างถูกวิธี
ฮานส์ คลูก ผู้อำนวยการภาคพื้นยุโรปขององค์การอนามัยโลก ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ฝีดาษลิง (Mpox) นั้น ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใหม่หรือเก่า ไม่ได้รุนแรงเหมือนกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่รู้วิธีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคแล้ว แต่ก็ยากที่จะหยุดกระแสความตื่นตระหนกที่ยังคงเกิดขึ้นไปทั่วโลก
โรค MPOX เดิมทีเรียกกันว่าเป็น โรคฝีดาษลิง โดยตรวจพบโรคนี้ครั้งแรกในคองโก เมื่อปี 1970 โดยจนถึงขณะนี้พบแล้ว 2 สายพันธุ์ ได้แก่ clade 1 และ clade 2 โดยเชื้อสายพันธุ์ clade 1 เป็นโรคประจำถิ่นในลุ่มน้ำคองโกในแอฟริกากลางมานานหลายทศวรรษ ขณะที่สายพันธุ์ clade 2 ที่มีความรุนแรงน้อยกว่าได้กลายเป็นโรคประจำถิ่นในแอฟริกาตะวันตก
ล่าสุดพบว่า การระบาดระลอกใหม่เป็นสายพันธุ์ clade 1 ที่มีความอันตรายมากขึ้น โดยสายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า clade 1b ถูกพบครั้งแรกในกลุ่มผู้ขายบริการในคองโก เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และตรวจพบผู้ติดเชื้อรายแรกนอกแอฟริกาที่สวีเดน ขณะที่ปากีสถานเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียที่พบผู้ป่วยสายพันธุ์ใหม่
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยในคองโกและประเทศแอฟริกาอื่นๆ มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากประเทศนอกคองโก
ในด้านวัคซีน ได้มีการใช้วัคซีนในการควบคุมการระบาดในยุโรปและอเมริกาเหนือ แต่ยังไม่ได้แจกจ่ายไปยังประเทศแอฟริกาที่เป็นพื้นที่หลักของการระบาด
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้มีข้อตกลงในการแจกจ่ายวัคซีน 200,000 โดสไปยังภูมิภาคแอฟริกา และคาดว่าจะได้วัคซีนเพิ่มเติมอีกราว 10 ล้านโดสในเร็วๆ นี้ เพื่อเร่งควบคุมการระบาดให้เร็วยิ่งขึ้น