วงการการเมืองไทยเกิดความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกมาประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่าตนเองได้แยกทางกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ "บิ๊กป้อม" ประธานพรรคพลังประชารัฐ หลังจากที่ทำงานร่วมกันมานานถึง 6 ปี โดยระบุว่า "บอก 6 ปี ผมรับใช้คนๆ นึงมาพอแล้ว ไม่คุยลุงป้อม ไม่เข้าพรรค จะคุยทำไม เขาไม่ใช้งานแล้ว"
คำประกาศของ ร.อ.ธรรมนัสเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลในคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ โดยมีข่าวลือว่า ร.อ.ธรรมนัสอาจไม่ได้รับตำแหน่งในรัฐบาลชุดใหม่
นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัสยังเปิดเผยว่า เขามีกำหนดการนัดรับประทานอาหารกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในกลุ่มของเขาที่กระทรวงเกษตรในช่วงบ่าย และจะมีการหารือกันเกี่ยวกับทิศทางการทำงานในอนาคต รวมถึงความเป็นไปได้ในการได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเขาย้ำว่ามั่นใจในคุณสมบัติของตนเองว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
การประกาศจุดยืนครั้งนี้ของ ร.อ.ธรรมนัสสร้างความสั่นสะเทือนให้กับพรรคพลังประชารัฐอย่างมาก เนื่องจากเขาเป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคและมีบทบาทในการประสานงานกับ ส.ส. ในพรรค การแยกทางครั้งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างและทิศทางของพรรคพลังประชารัฐในอนาคต
นักวิเคราะห์การเมืองหลายคนมองว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ ร.อ.ธรรมนัสอาจเป็นการเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยอาจมีการย้ายพรรคหรือจัดตั้งกลุ่มการเมืองใหม่ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อดุลอำนาจในสภาผู้แทนราษฎรและการจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน
ในขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ประชาชนและนักการเมืองต่างจับตามองความเคลื่อนไหวของ ร.อ.ธรรมนัสและพรรคพลังประชารัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลต่อการเมืองไทยในระยะยาวอย่างไร