การเมืองไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 ให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลต้องเร่งหาตัวแทนคนใหม่เพื่อเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในช่วงแรก มีการประกาศว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ วัย 75 ปี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมีรายงานว่าในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย (พท.) ช่วงเช้าที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ส่วนใหญ่ได้เสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน
เหตุผลสำคัญที่ สส. ส่วนใหญ่สนับสนุน น.ส.แพทองธาร มีหลายประการ ประการแรกคือความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งมีอายุมาก ประการที่สองคือ การเรียกร้องจากประชาชนในพื้นที่ที่ต้องการให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเธอเป็นผู้ที่ลงพื้นที่หาเสียงเป็นส่วนใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ยังมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อไปได้ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้ง โครงการนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากประชาชน และพรรคต้องการที่จะรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจสุดท้ายยังคงขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคว่าจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของ สส. หรือไม่ การเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้นมีนัยสำคัญทางการเมืองอย่างมาก เนื่องจากเธอเป็นบุตรสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งยังคงเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากในพรรคเพื่อไทยและการเมืองไทย
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการเมืองไทยในวงกว้าง ทั้งในแง่ของการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล และปฏิกิริยาจากฝ่ายค้านและกลุ่มการเมืองอื่นๆ นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการนำนโยบายหรือแนวทางการบริหารประเทศที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร กลับมาใช้อีกครั้ง
ในขณะนี้ ประชาชนและนักวิเคราะห์การเมืองต่างจับตามองการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อทิศทางการเมืองไทยในอนาคตอันใกล้ และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง