หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เต้น" ได้เปิดเผยเรื่องราวเบื้องหลังการตัดสินใจของเศรษฐาในการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยย้อนเล่าถึงมื้อค่ำส่วนตัวครั้งแรกระหว่างทั้งสองคน
ณัฐวุฒิเล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ใกล้บ้านของเศรษฐา ซึ่งเศรษฐาเป็นผู้นัดพบ บรรยากาศการพูดคุยเริ่มต้นด้วยคำถามง่ายๆ เกี่ยวกับเครื่องดื่มที่ชอบ ก่อนที่จะลงลึกไปถึงประเด็นสำคัญทางการเมือง
ในระหว่างการสนทนาที่ยาวนานเกือบ 4 ชั่วโมง เศรษฐาได้ถามคำถามสำคัญว่า "ทำไมผมต้องมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี?" ซึ่งณัฐวุฒิได้ตอบและอธิบายอย่างละเอียด มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองกันอย่างกว้างขวาง
ณัฐวุฒิเผยว่า ตลอดการสนทนา เขาสัมผัสได้ถึงความเป็นสุภาพบุรุษ การให้เกียรติคน และความใสสะอาดทางการเมืองของเศรษฐา ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับเขาอย่างมาก เมื่อการสนทนาสิ้นสุดลง ณัฐวุฒิได้ยืนส่งเศรษฐาด้วยสายตา มองดูเขาเดินคนเดียวเข้าซอยกลับบ้าน พร้อมกับความหวังว่าวันรุ่งขึ้นเศรษฐาจะตอบรับการเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี
ณัฐวุฒิยังเปิดเผยความรู้สึกส่วนตัวว่า เขารู้สึกว่าต้องทุ่มเทสุดชีวิตและความสามารถ เพราะเป็นคนที่ชวนเศรษฐาให้ก้าวข้ามเส้นจากการเป็นนักธุรกิจมาสู่การเป็นนักการเมือง เขาเชื่อมั่นอย่างจริงใจว่า นายกเศรษฐามีหัวใจที่สะอาด ความคิดที่บริสุทธิ์ และสองมือที่สะอาด พร้อมทั้งมีความซื่อสัตย์ต่อชาติบ้านเมืองในทุกวินาทีของการทำหน้าที่
การเปิดเผยเรื่องราวเบื้องหลังนี้ ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงกระบวนการตัดสินใจที่สำคัญในการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์และความไว้วางใจระหว่างบุคคลในวงการการเมือง นอกจากนี้ ยังเผยให้เห็นถึงความคาดหวังและความรับผิดชอบที่ผู้อยู่เบื้องหลังการผลักดันนักการเมืองหน้าใหม่ต้องแบกรับ
แม้ว่าเหตุการณ์ทางการเมืองจะพลิกผันไปแล้ว แต่เรื่องราวนี้ก็ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อประเทศชาติ ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเปิดเผยให้เห็นถึงมิติมนุษย์ของนักการเมืองที่มักถูกมองข้ามในการรายงานข่าวทั่วไป