เหตุการณ์ระทึกเกิดขึ้นในอิสราเอลเมื่อกลุ่มฮามาสได้ยิงจรวดพิสัยไกลเข้าโจมตี สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในวงกว้าง ชาวอิสราเอลรายหนึ่งเล่าว่า "ผมได้ยินเสียงระเบิดใกล้เทลอาวีฟ และผมได้ยินข่าวว่าอิสราเอลตอนกลางก็มีคนได้ยินเสียงระเบิดเช่นกัน" แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังจากที่สื่อของอิสราเอลรายงานข่าวนี้ โฆษกของกลุ่มฮามาส "อาบู โอไบดา" ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีครั้งนี้ โดยระบุว่า "เราโจมตีอิสราเอลด้วยจรวดพิสัยไกล M90 จำนวน 2 ลูก โดยจรวดพิสัยไกลดังกล่าวสามารถพุ่งได้ไกลสุดที่ 90 กิโลเมตร" พร้อมทั้งให้เหตุผลว่า "นี่คือการตอบโต้การสังหารหมู่ของไซออนิสต์ต่อพลเรือนของเรา และพวกเขาจงใจทำให้ประชาชนของเราต้องพลัดถิ่น"
อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายกองทัพอิสราเอลได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า "จากการตรวจสอบพบว่า มีจรวดพุ่งข้ามมาจากฉนวนกาซา ซึ่งได้ตกลงไปในทะเล ใกล้กับตอนกลางของอิสราเอล" และ "จรวดอีกลูกที่ยิงมาในทิศทางเดียวกัน มันได้เลยประเทศของเราไป" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้จะมีการโจมตีเกิดขึ้น แต่ความเสียหายอาจไม่รุนแรงอย่างที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่ยังคงดำเนินอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธในฉนวนกาซา การโจมตีด้วยจรวดพิสัยไกลครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาขีดความสามารถทางทหารของกลุ่มฮามาส ซึ่งสร้างความกังวลให้กับรัฐบาลอิสราเอลและประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย
ในขณะเดียวกัน การที่จรวดตกลงในทะเลโดยไม่สร้างความเสียหายรุนแรงอาจเป็นผลมาจากระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลที่มีประสิทธิภาพ หรืออาจเป็นเพราะความไม่แม่นยำของจรวดที่ใช้ในการโจมตี อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ย่อมส่งผลกระทบต่อความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่
ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ยังคงเป็นปัญหาที่ท้าทายสำหรับประชาคมโลกในการหาทางออกที่ยั่งยืน การโจมตีด้วยจรวดครั้งนี้อาจนำไปสู่การตอบโต้จากฝ่ายอิสราเอล ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคทวีความรุนแรงขึ้นได้ ประชาคมระหว่างประเทศจึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพยายามหาแนวทางในการลดความตึงเครียดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียของพลเรือนทั้งสองฝ่าย