สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หน่วยงานราชการไทยที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออกสินค้ากำลังเร่งดำเนินการเพื่อสกัดกั้นตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 100 ตู้ ซึ่งคาดว่าบรรทุกสารเคมีพิษจากประเทศจีน โดยตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวมีกำหนดจะเดินทางมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ สร้างความวิตกกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
องค์กรพัฒนาเอกชน Basel Action Network (BAN) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการลักลอบขนส่งของเสียอันตราย โดยองค์กรนี้ได้ติดตามและตรวจสอบการค้าสารพิษระหว่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ BAN ได้แจ้งเตือนประเทศมาเลเซียให้ระวังการขนส่งของเสียพิษที่ผิดกฎหมาย และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ได้ส่งคำเตือนมายังประเทศไทยเช่นกัน โดยคาดการณ์ว่าของเสียที่กำลังถูกขนส่งมานั้นอาจเป็นฝุ่นที่เกิดจากกระบวนการผลิตเหล็กด้วยเตาอาร์กไฟฟ้า (Electric Arc Furnace) ซึ่งมีความเป็นพิษสูง
จากการติดตามเส้นทางการเดินเรือ พบว่าเรือขนส่งสินค้าลำหนึ่งซึ่งเชื่อว่าบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่มีของเสียปนเปื้อนสารพิษดังกล่าว ได้หายไปจากระบบติดตามตำแหน่งทางทะเลในขณะที่อยู่ใกล้กับเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สร้างความกังวลว่าอาจมีความพยายามในการปกปิดเส้นทางการขนส่ง
ข้อมูลจากการติดตามการขนส่งสินค้าทางเรือของเว็บไซต์เอ็มเอสซี ระบุว่าตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต จำนวน 40 ตู้ มีกำหนดจะเดินทางมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้ ยังมีอีก 60 ตู้ที่มีกำหนดจะเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ด้วย
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียนกำลังกลายเป็นจุดหมายปลายทางของการทิ้งขยะจากประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกที่ปนเปื้อน ของเสียจากอุตสาหกรรม หรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีสารพิษ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยกำลังเร่งดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าสารพิษเหล่านี้ โดยมีการเตรียมความพร้อมในการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์อย่างเข้มงวด และประสานงานกับหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายในการตรวจสอบและควบคุมการนำเข้าสินค้าจำนวนมหาศาลที่ผ่านเข้ามาทางท่าเรือของประเทศไทยในแต่ละวัน