สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ได้เชิญชวนประชาชนร่วมชมปรากฏการณ์ "ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ฝนดาวตกวันแม่" ในคืนวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ต่อเนื่องไปจนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 13 สิงหาคม โดยคาดว่าจะสามารถเห็นดาวตกได้เฉลี่ยถึง 100 ดวงต่อชั่วโมง
ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงกลางเดือนสิงหาคม โดยเป็นฝนดาวตกที่มีความสว่างเป็นอันดับสองรองจากฝนดาวตกลีโอนิดส์ ปรากฏการณ์นี้สามารถสังเกตเห็นได้ในช่วงระหว่างวันที่ 17 กรกฎาคม ถึง 24 สิงหาคมของทุกปี โดยมักมีอัตราการตกสูงสุดในช่วงวันที่ 12-13 สิงหาคม
นักดาราศาสตร์อธิบายว่า ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์เกิดจากเศษฝุ่นละอองที่ดาวหางสวิฟต์-ทัตเทิล (109P/Swift-Tuttle) ทิ้งไว้ในวงโคจร เมื่อโลกโคจรตัดผ่านบริเวณที่มีเศษฝุ่นเหล่านี้ แรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงดูดเศษฝุ่นให้เข้ามาในชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดการลุกไหม้และเกิดเป็นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้า ซึ่งเราเรียกว่า "ดาวตก"
ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์มีชื่อเสียงในเรื่องของสีสันที่สวยงามและความสว่างที่มองเห็นได้ชัดเจน ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักดูดาวและประชาชนทั่วไป นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าปรากฏการณ์นี้ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อโลกและเป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงาม
สำหรับผู้ที่สนใจชมปรากฏการณ์นี้ ทาง NARIT แนะนำให้หาพื้นที่โล่งแจ้งที่มีท้องฟ้ามืด ห่างจากแสงไฟเมือง และควรใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีเพื่อให้ดวงตาปรับให้เข้ากับความมืด จะทำให้สามารถมองเห็นดาวตกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ NARIT ยังเตือนว่า แม้ปรากฏการณ์นี้จะสวยงาม แต่ไม่ควรจ้องมองท้องฟ้าเป็นเวลานานเกินไป และควรระวังการปวดคอหรือปวดตาที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ การชมฝนดาวตกเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ทั้งครอบครัว และเป็นโอกาสดีในการสร้างความทรงจำร่วมกันในวันแม่แห่งชาติอีกด้วย