เหตุการณ์ชวนงุนงงเกิดขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ที่อำเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี เมื่อ ร.ต.อ.วรวิทย์ ซุยลา รองสารวัตรสอบสวน สภ.ทุ่งฝน ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลทุ่งฝนว่ามีผู้บาดเจ็บถูกยิงที่บ้านเลขที่ 315 หมู่ 2 ตำบลทุ่งใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบประสานงานกับมูลนิธิสว่างเมธาธรรมอุดรธานี เพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบนายศรันยู มูลเมือง (เฟรม) อายุ 17 ปี นอนบาดเจ็บที่หัวเข่าขวา เบื้องต้นผู้บาดเจ็บให้การว่าถูกวัยรุ่น 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มาดักยิงที่ปากซอยหน้าบ้าน ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลทุ่งฝนและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวกลับพลิกผันเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ทุ่งฝน เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น พบวัยรุ่น 8 คนนอนอยู่ในบ้าน การสอบสวนเบื้องต้นพบคราบเลือดบนที่นอนและอาวุธปืนไทยประดิษฐ์เบอร์ 12 วางอยู่บนหลังตู้เสื้อผ้า เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นของกลางและทำการสอบปากคำวัยรุ่นทีละคน
ในระหว่างการสอบสวน นางสุมาลี หงษ์ทอง อายุ 45 ปี แม่ของนายศรันยู ได้มาถึงที่เกิดเหตุด้วยความตกใจและเล่าว่าตนทำงานอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนแฟนสาวของผู้บาดเจ็บเล่าว่าตนนอนหลับอยู่ขณะเกิดเหตุและตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเอะอะ
หลังจากการสอบสวนอย่างละเอียด ในที่สุดกลุ่มวัยรุ่นก็ยอมรับสารภาพว่าความจริงแล้ว นายศรันยูทำปืนลั่นโดนขาตัวเอง แต่พวกเขาตกลงกันว่าจะโกหกว่าถูกคนร้ายดักยิง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัววัยรุ่นทั้งหมดไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ทุ่งฝน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและตามหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งยังหาไม่พบ
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสืบสวนอย่างละเอียดรอบคอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับอันตรายของการครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงผลกระทบของการให้ข้อมูลเท็จแก่เจ้าหน้าที่