งูเหลือมและงูหลาม สองสายพันธุ์งูไร้พิษขนาดใหญ่ที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย มักสร้างความสับสนให้กับผู้พบเห็นเสมอ ทั้งคู่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายไทยภายใต้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 แม้ว่าจะมีลักษณะภายนอกที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สังเกตได้หลายประการ
หากพิจารณาจากขนาดร่างกาย งูหลามจะมีลำตัวใหญ่อ้วนป้อมกว่างูเหลือม แต่กลับมีความยาวน้อยกว่า โดยงูหลามมักมีความยาวประมาณ 1-3 เมตร ในขณะที่งูเหลือมสามารถยาวได้ถึง 5 เมตร นอกจากนี้ งูเหลือมยังมีนิสัยดุร้ายกว่าและมักออกล่าเหยื่อในน้ำ ต่างจากงูหลามที่ชอบล่าเหยื่อบนบก
ถิ่นที่อยู่อาศัยก็เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญ หากพบงูชนิดนี้ในภาคใต้ของประเทศไทย มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นงูเหลือม เนื่องจากงูหลามไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในบริเวณนั้น แต่จะพบได้ในภาคอื่นๆ ของประเทศ ส่วนงูเหลือมนั้นพบได้ทั่วทุกภาค
ลักษณะการดำรงชีวิตก็แตกต่างกัน งูหลามไม่ชอบปีนต้นไม้ ดังนั้นหากพบงูบนต้นไม้ มีโอกาสสูงว่าจะเป็นงูเหลือม นอกจากนี้ ระยะเวลาในการฟักไข่ก็ต่างกัน โดยงูหลามใช้เวลาฟักไข่ 2 เดือน ขณะที่งูเหลือมใช้เวลา 3 เดือน
จุดสังเกตที่ชัดเจนที่สุดมี 3 ประการ ได้แก่ ลวดลายบนหัว สีของดวงตา และลายบนลำตัว งูหลามจะมีลายสีน้ำตาลเข้มเป็นรูปสามเหลี่ยมบนหัว ขณะที่งูเหลือมมีเส้นสีดำพาดจากปลายจมูกผ่านกลางหัวไปถึงคอ ดวงตาของงูหลามมีสีน้ำตาลหรือดำ ส่วนงูเหลือมมีตาสีเหลืองหรือส้ม ส่วนลายบนลำตัว งูหลามมีพื้นสีน้ำตาลตัดด้วยลายสีอ่อน ในขณะที่งูเหลือมมีพื้นสีน้ำตาลอ่อนตัดด้วยลายสีดำและมีลายสีขาวแทรก
การเรียนรู้วิธีแยกแยะงูทั้งสองชนิดนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลานของไทย แต่ยังอาจเป็นประโยชน์ในการระบุชนิดของงูที่พบเจอในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้งูทุกชนิด เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและเพื่อไม่รบกวนการดำรงชีวิตตามธรรมชาติของพวกมัน