สิ้นหวังชิงเก้าอี้เดิม พล.ต.อ สุรเชษฐ์ หักพาล อนาคตสีกากีจะไปทางไหน

คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) มีมติเป็นเอกฉันท์ยกอุทธรณ์ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ "บิ๊กโจ๊ก" รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้นชอบด้วยกฎหมาย

นายธวัชชัย ไทยเขียว รองโฆษก ก.พ.ค.ตร. เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบตามอำนาจหน้าที่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยใช้วิธีการไต่สวนและแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน ทั้งสองฝ่ายได้รับโอกาสชี้แจงและแสดงพยานหลักฐานอย่างเต็มที่

ผลการพิจารณาสรุปว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน 2567 ที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังเป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสม จึงถือเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ หาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าว สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 90 วันนับจากวันที่ทราบผลวินิจฉัย

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับแจ้งผลวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ แต่หากผลออกมาไม่เป็นที่พอใจ ก็พร้อมจะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ภายในกำหนดเวลา

กรณีนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาและถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง จนนำไปสู่คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจและติดตามมาโดยตลอด

การตัดสินของ ก.พ.ค.ตร. ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในคดีของ "บิ๊กโจ๊ก" โดยหากมีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด ก็จะเป็นการต่อสู้ทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวงการตำรวจและระบบราชการไทยในวงกว้าง