ในวันที่ 6 สิงหาคม 2567 วงการเครื่องสำอางและความงามของไทยต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ทำการบุกทลายแหล่งผลิตเครื่องสำอางเถื่อนที่มีชื่อทางการค้าว่า "infiNADi Nad" ซึ่งได้แอบอ้างสรรพคุณในการชะลอวัย และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ มีการลักลอบนำไปฉีดเข้าร่างกายของผู้บริโภค ทั้งๆ ที่ผลิตภัณฑ์นี้จดทะเบียนเป็นเพียงเครื่องสำอางเท่านั้น ไม่ได้ผ่านการรับรองให้ใช้ในลักษณะของยาฉีดแต่อย่างใด
ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นผลมาจากการสืบสวนสอบสวนอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ โดยได้ทำการบุกเข้าตรวจค้นสถานที่สำคัญทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน ประกอบด้วย คอนโดหรูย่านสุขุมวิท ซึ่งพบยาฉีดที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ขวดเปล่า แฟ้มข้อมูลการส่งสินค้า โบรชัวร์โฆษณาที่กล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง และยาที่มีชื่อว่า "NAD+ IV Therapy" จำนวนมาก นอกจากนี้ ยังได้เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ย่านยานนาวา ซึ่งพบว่ากำลังมีการผลิตเครื่องสำอางที่ติดฉลากไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การบุกทลายครั้งนี้สามารถยึดของกลางได้เป็นมูลค่ามหาศาลกว่า 25 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงขนาดของธุรกิจผิดกฎหมายที่แฝงตัวอยู่ในอุตสาหกรรมความงาม
จากการสืบสวนเพิ่มเติม พบว่าบริษัทที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ "infiNADi Nad" มีเจ้าของเป็นชาวอเมริกันและภรรยาชาวไทย ซึ่งในขณะนี้ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายที่มีการเชื่อมโยงข้ามชาติ และความท้าทายในการบังคับใช้กฎหมายในกรณีที่ผู้กระทำผิดหลบหนีออกนอกประเทศ
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ "infiNADi Nad" คือการที่มันถูกโฆษณาว่าสามารถฉีดเข้าร่างกายได้ โดยอ้างสรรพคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชะลอวัย บำรุงสมอง หัวใจ และหลอดเลือด ฟื้นฟูร่างกาย และซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการกล่าวอ้างที่เกินจริงและอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้บริโภค เนื่องจากผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้ผ่านการรับรองความปลอดภัยสำหรับการฉีดเข้าร่างกาย การใช้ผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้อาจนำไปสู่ผลข้างเคียงร้ายแรงหรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้
ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ที่แอบอ้างสรรพคุณเกินจริงระบาดอยู่มากมาย โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ซึ่งการควบคุมและตรวจสอบทำได้ยากกว่าในช่องทางการจำหน่ายแบบดั้งเดิม กรณีของ "infiNADi Nad" จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความเสี่ยงที่ผู้บริโภคต้องเผชิญในยุคดิจิทัล ที่ข้อมูลและโฆษณาต่างๆ สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
เจ้าหน้าที่จากทั้ง ปคบ. และ อย. ย้ำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการเลือกซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ โดยควรตรวจสอบแหล่งที่มา เลขทะเบียน และคำเตือนบนฉลากอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ้างสรรพคุณเกินจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าสามารถฉีดเข้าร่างกายได้ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
กรณีนี้ยังเป็นสัญญาณเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและควบคุมการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมความงาม รวมถึงการโฆษณาที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญของการรับข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ และการตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยความรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพและความปลอดภัยของตนเอง