วงการกีฬาโอลิมปิกต้องสะเทือนอีกครั้ง เมื่อแอนโธนี่ อัมมิราติ นักกระโดดค้ำถ่อชาวฝรั่งเศสวัย 21 ปี ตกเป็นข่าวครึกโครมหลังจากมีภาพไวรัลเผยแพร่ไปทั่วโลก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันกระโดดค้ำถ่อในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อกล้องจับภาพขณะที่อัมมิราติกำลังทำการแข่งขัน และเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ทำให้ภาพดังกล่าวกลายเป็นที่สนใจของผู้คนในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากที่ภาพไวรัลแพร่กระจายไปทั่ว บริษัทด้านความบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่อย่าง CamSoda ก็ไม่รอช้าที่จะฉกฉวยโอกาสนี้ โดยได้ยื่นข้อเสนอที่สุดจะช็อกให้กับอัมมิราติ ด้วยเงินจำนวนมหาศาลถึง $250,000 หรือประมาณ 8.8 ล้านบาท เพื่อแลกกับการที่เขาจะต้องโชว์ตัวผ่านกล้องเป็นเวลา 60 นาที ข้อเสนอนี้ได้สร้างความฮือฮาและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในวงการกีฬาและสังคมออนไลน์
ตามรายงานจากนิตยสาร Us Weekly ระบุว่า จดหมายเชิญชวนที่ส่งถึงอัมมิราติยังมีข้อความที่น่าสนใจ โดยกล่าวว่าแม้เขาจะไม่ได้เหรียญทองจากการแข่งขันกลับบ้าน แต่เขายังสามารถคว้า "เหรียญทอง" จากแฟนๆ ผ่านทาง CamSoda ได้ ซึ่งเป็นการเล่นคำที่ชวนให้คิดถึงความสำเร็จในเชิงการตลาดและความนิยมมากกว่าชัยชนะในการแข่งขันกีฬา ข้อความนี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ทางการตลาดที่พยายามดึงดูดความสนใจจากกระแสที่เกิดขึ้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับภาพลักษณ์และอาชีพของนักกีฬา
ขณะนี้ยังไม่มีการตอบรับหรือปฏิเสธจากทางอัมมิราติเกี่ยวกับข้อเสนอสุดฮือฮานี้ ซึ่งสร้างความตื่นเต้นและความคาดหวังในสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก หลายคนต่างจับตามองว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไรกับข้อเสนอที่อาจเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย โดยเฉพาะในแวดวงกีฬา ที่มองว่าข้อเสนอดังกล่าวเป็นการเอาเปรียบและลดทอนคุณค่าของนักกีฬา รวมถึงอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของการแข่งขันโอลิมปิกและวงการกีฬาโดยรวม
สถานการณ์นี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในสังคม ทั้งในแง่ของจริยธรรม การเคารพศักดิ์ศรีของนักกีฬา และขอบเขตของการใช้ชื่อเสียงเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า นอกจากนี้ ยังเป็นการตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบของสื่อและสังคมออนไลน์ในการนำเสนอและแชร์ข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวและอาชีพของบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของนักกีฬาที่กำลังอยู่ในช่วงสำคัญของอาชีพ การติดตามพัฒนาการของเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และอาจนำไปสู่การถกเถียงในวงกว้างเกี่ยวกับจริยธรรมในวงการกีฬาและสื่อในอนาคต