วิกฤตปลาหมอคางดำยังคงเล่นงานเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ที่ล่าสุดต้องเผชิญกับปัญหาปลาหมอคางดำบุกยึดบ่อเลี้ยงกุ้ง สร้างความเสียหายมหาศาลให้กับเกษตรกรในพื้นที่ คุณลุงณรงค์ แซ่โค้ว เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งวัย 54 ปี เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เขาเช่าที่ดินกว่า 120 ไร่เพื่อเลี้ยงกุ้งธรรมชาติ แต่ต้องมาเจอกับวิกฤตปลาหมอคางดำระบาดหนักเมื่อ 6 เดือนก่อน เมื่อวิดบ่อหวังจะได้เงิน กลับพบแต่ปลาหมอคางดำกว่า 5 ตัน ซึ่งไม่สามารถนำไปขายเพื่อสร้างรายได้ได้เลย
ด้วยความไม่ยอมแพ้ ลุงณรงค์ตัดสินใจลงทุนใหม่ โดยล้างบ่อและลงทุนอีกกว่า 3 หมื่นบาท ปล่อยกุ้งกุลา 2 แสนตัว และกุ้งขาวอีก 3 แสนตัว หวังว่าจะสามารถแก้มือและสร้างรายได้คืนมาได้ แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับความผิดหวังซ้ำสอง เมื่อวิดบ่อครั้งนี้ กลับได้แต่ปลาหมอคางดำกว่า 3 ตัน ส่วนกุ้งที่เลี้ยงไว้หายเกลี้ยงบ่อ ไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว สร้างความสูญเสียทางการเงินอย่างมหาศาลให้กับครอบครัวของลุงณรงค์
แม้ว่าปัจจุบัน ภาครัฐจะออกมาตรการรับซื้อปลาหมอคางดำในราคากิโลกรัมละ 15 บาท แต่ลุงณรงค์และชาวบ้านอีกหลายคนมองว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและไม่ยั่งยืน เนื่องจากการรับซื้อมีระยะเวลาจำกัดเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ลุงณรงค์เสนอว่า "รัฐบาลควรจะเปิดรับซื้อปลาหมอคางดำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดไปจากแหล่งน้ำ ไม่ใช่รับซื้อแค่แป๊บๆ แบบนี้มันช่วยอะไรชาวบ้านไม่ได้หรอก!" เขากล่าวด้วยความอัดอั้นตันใจ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจต่อมาตรการของภาครัฐที่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
ปัญหาปลาหมอคางดำไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมานานกว่า 10 ปีในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดสมุทรสงคราม สาเหตุหลักมาจากการนำเข้าปลาหมอคางดำจากต่างประเทศเพื่อเลี้ยงเป็นปลาเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากการควบคุมที่ไม่รัดกุม ทำให้ปลาเหล่านี้หลุดลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติที่แพร่พันธุ์เร็ว กินเก่ง และแย่งอาหารปลาชนิดอื่น ทำให้ปลาหมอคางดำกลายเป็นภัยคุกคามต่อระบบนิเวศอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำและชาวประมงพื้นบ้าน
ในสถานการณ์เช่นนี้ หลายฝ่ายเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการนำเข้าปลาหมอคางดำอย่างเข้มงวด การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากปลาชนิดนี้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่า หรือการวิจัยและพัฒนาวิธีการกำจัดปลาหมอคางดำอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อปกป้องวิถีชีวิตและอาชีพของเกษตรกรไทย รวมถึงรักษาสมดุลของระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติของประเทศ