เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 17.00 น. เกิดเหตุสลดใจขึ้นที่บ้านกลาง หมู่ 8 ตำบลชัยพร อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ เมื่อ ร.ต.อ.รัฐพล เดชนรสิงห์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ได้รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 ราย
ที่เกิดเหตุพบศพของนายอุทัย (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตในสภาพไม่สวมเสื้อ มีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณดวงตาข้างขวาทะลุออกหลัง 1 นัด ห่างออกไปประมาณ 15 เมตร พบศพของหม่อมหลวงวันชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี นอนเสียชีวิตบนพื้นถนน สวมเสื้อคอปกสีแดง มีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณขมับข้างขวา 1 นัด ใกล้กับศพพบปืนลูกโม่ขนาด .38 ตกอยู่
ดร.สมชาย นักสังคมวิทยา จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น วิเคราะห์ว่า "เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความขัดแย้งในชุมชนที่สะสมมานาน และไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม จนนำไปสู่การใช้ความรุนแรงเป็นทางออก"
จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ทราบว่าผู้เสียชีวิตทั้งสองเป็นคู่อริกันมานาน มักมีปากเสียงทะเลาะกันเป็นประจำ โดยนายอุทัยเป็นเจ้าของร้านขายของชำในหมู่บ้าน ส่วนหม่อมหลวงวันชัยมีบ้านอยู่ห่างกันเพียง 50 เมตร
ก่อนเกิดเหตุ ทั้งสองมีปากเสียงและท้าทายกัน จนเกิดการทะเลาะวิวาท หม่อมหลวงวันชัยกลับเข้าบ้านไปหยิบปืน แล้วกลับออกมายิงนายอุทัย หลังจากนั้นได้ใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองเสียชีวิต
พ.ต.ท.วิชัย หัวหน้าชุดสืบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ กล่าวว่า "เราจะสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งระหว่างทั้งสอง และตรวจสอบที่มาของอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต"
ดร.สมชาย เสนอแนะว่า "ชุมชนควรมีกลไกในการจัดการความขัดแย้งอย่างสันติวิธี เช่น การมีคนกลางไกล่เกลี่ย หรือการจัดเวทีพูดคุยในชุมชน เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันการใช้ความรุนแรง"
เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างความเข้าใจและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในชุมชน รวมถึงการมีระบบจัดการความขัดแย้งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้อีกในอนาคต