ปารีส–รูเบนซ์ (Paris-Roubaix) หรือที่นักปั่นจักรยานรู้จักกันในชื่อ "นรกแห่งทิศเหนือ" (Hell of the North) คือตำนานการแข่งขันจักรยานทางไกลที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาโลก บทความนี้แอดมินสยามอินเทลลิเจนท์ก็รวบรวมสาระดี ๆ มาให้คอนักปั่นอีกเช่นเคย โดยจะพาทุกท่านเดินย้อนรอยอดีตของเส้นทางประวัติศาสตร์อันยาวนานของการแข่งขันที่ท้าทายทั้งความแข็งแกร่งทางกายและจิตใจของนักปั่นระดับโลก ผ่านเส้นทางโคลน หิน และความทรหดที่สุดในวงการจักรยาน มาดูกันว่าสิ่งที่ทำให้กีฬาประเภทนี้แตกต่างจากการแข่งขันอื่น ๆ ในโลกจะมีจุดเด่นอะไรน่าสนใจบ้าง
จุดเริ่มต้นของตำนาน ปารีส–รูเบนซ์ การกำเนิดศึกนรกแห่งทิศเหนือ
Paris-Roubaix เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.1896 โดยเป็นไอเดียของสองนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส ธีโอโดร์ วีล (Théodore Vienne) และมอริซ เปอูสซาร์ต (Maurice Perez) ที่ต้องการโปรโมทเวโลโดรมแห่งใหม่ (สนามแข่งจักรยาน) ที่เมืองรูเบซ์ การแข่งขันครั้งแรกมีระยะทาง 280 กิโลเมตร จากปารีสไปยังรูเบซ์ และผู้ชนะคนแรกคือ โจเซฟ ฟิชเชอร์ (Josef Fischer) นักปั่นชาวเยอรมัน
สิ่งที่ทำให้การแข่งขันนี้แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ คือ เส้นทางที่ผ่านถนนหินกรวด (cobblestones หรือที่เรียกว่า pave พาเว่ ในภาษาฝรั่งเศส) ซึ่งเป็นถนนโบราณที่ปูด้วยหินก้อนใหญ่ไม่เรียบเสมอกัน ทำให้การปั่นจักรยานเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่เลวร้าย เช่น ฝนตก หรือหิมะ
ฉายา นรกแห่งทิศเหนือ เกิดขึ้นได้อย่างไร
ชื่อ นรกแห่งทิศเหนือ (L'Enfer du Nord) ไม่ได้เกิดจากความยากของเส้นทางแข่งขันในตอนแรก แต่มาจากสภาพพื้นที่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศสที่ถูกทำลายย่อยยับหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1919 นักข่าวหนังสือพิมพ์ Le Velo ได้ออกสำรวจเส้นทางหลังสงครามและพบว่าพื้นที่ถูกทำลายอย่างหนัก หมู่บ้านถูกทิ้งร้าง ถนนถูกระเบิด บ้านเรือนพังทลาย จนเขาเปรียบเทียบสภาพที่เห็นว่าเหมือน "นรก" และฉายานี้ก็ติดมาจนถึงปัจจุบัน
แม้ว่าสภาพบ้านเมืองจะฟื้นฟูแล้ว แต่ชื่อ "Hell of the North" ยังคงอยู่เพราะความโหดร้ายของเส้นทางแข่งขัน โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านถนนหินกรวดที่ยังคงสภาพดั้งเดิมไว้เพื่อรักษาเอกลักษณ์ของการแข่งขัน
พาเว่ ถนนหินกรวดที่โหดที่สุด
ในปัจจุบัน การแข่งขันปารีส–รูแบซ์ ไม่ได้เริ่มต้นจากกรุงปารีสอีกต่อไป แต่เริ่มจากเมืองคอมเปียนน์ (Compiegne) ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ห่างจากปารีสไปทางเหนือประมาณ 80 กิโลเมตร ระยะทางการแข่งขันประมาณ 250-270 กิโลเมตร โดยมีช่วงถนนหินกรวด (pave) รวมกันประมาณ 50-55 กิโลเมตร แบ่งเป็นประมาณ 25-30 ช่วง แต่ละช่วงมีความยาวและระดับความยากแตกต่างกันไป
เส้นทางที่โด่งดังและน่ากลัวที่สุดคือ
- ป่าอาร์แบร์ (Trouee d'Arenberg) เป็นช่วงถนนหินกรวดยาว 2.4 กิโลเมตรที่ตัดผ่านป่า มีชื่อเรียกว่า "รูโหว่แห่งอาร์แบร์" เพราะเป็นเหมือนอุโมงค์ที่ตัดผ่านป่าทึบ ถนนช่วงนี้ขรุขระมาก หินบางก้อนสูงผิดระดับและมีช่องว่างกว้าง ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
- คาร์ฟูร์ เดอ ลาร์เบร์ (Carrefour de l'Arbre) ช่วงหินกรวดยาว 2.1 กิโลเมตรที่อยู่ใกล้เส้นชัย เป็นจุดที่มักตัดสินผู้ชนะ เพราะนักปั่นต้องใช้พลังที่เหลืออยู่น้อยนิดฝ่าฟันเส้นทางนี้ไปให้ได้
- มองส์-อ็อง-เปเวเล (Mons-en-Pevele) ถนนหินกรวดยาว 3 กิโลเมตรที่มีความยากระดับ 5 ดาว ระดับความยากสูงสุด
จักรยานพิเศษสำหรับ ปารีส–รูเบนซ์
การแข่งขันปารีส–รูแบซ์ เป็นการแข่งขันที่ต้องใช้จักรยานและอุปกรณ์พิเศษที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อรับมือกับสภาพถนนที่โหดร้าย โดยโครงจักรยาน มักมีการปรับโครงสร้างให้ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น มีระยะห่างระหว่างล้อกับตัวถังมากขึ้นเพื่อป้องกันโคลนเข้าไปติด
- นักปั่นใช้ยางที่กว้างกว่าปกติ 28-32 มม. และแรงดันลมต่ำกว่าปกติเพื่อเพิ่มการยึดเกาะและลดแรงสั่นสะเทือน
- แฮนด์จักรยาน ที่พันเทปสองชั้นหรือใช้แฮนด์พิเศษเพื่อลดแรงสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านมาถึงมือ
- ล้อที่มีความแข็งแรงพิเศษเพื่อทนต่อแรงกระแทก บางทีมอาจใช้ล้อแบบซี่ (spoke wheels) แทนล้อแบบตัน (disc wheels) เพื่อความคล่องตัวบนถนนหินกรวด
นักปั่นจักรยานคลาสสิกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
- โรเจอร์ เดอ ฟลามินค์ (Roger De Vlaeminck) นักปั่นชาวเบลเยียมที่ได้รับฉายา "Mr. Paris-Roubaix" เพราะชนะการแข่งขันนี้ถึง 4 ครั้ง ในปี 1972, 1974, 1975, 1977
- ทอม บูเน็น (Tom Boonen) อีกหนึ่งนักปั่นชาวเบลเยียมที่ชนะ 4 ครั้งเช่นกัน ปี 2005, 2008, 2009, 2012
- ฟอสโต้ คอปปี้ (Fausto Coppi) ตำนานนักปั่นชาวอิตาลีที่ชนะปารีสรูเบซ์ ในปี 1950 ด้วยการหนีออกจากกลุ่มไปเดี่ยว ๆ เป็นระยะทาง 100 กิโลเมตร
- ยอห์น เดอเกนโคลบ์ (Johan Museeuw) ชาวเบลเยียมผู้ชนะ 3 ครั้ง ในปี 1996, 2000, 2002 และมีเรื่องราวการกลับมาหลังจากบาดเจ็บสาหัสที่ขาซึ่งเกือบถูกตัดทิ้ง
- มัทธิว ฟานเดอร์พูล (Mathieu van der Poel) นักปั่นชาวเนเธอร์แลนด์คนล่าสุดที่ครองแชมป์ได้อย่างน่าประทับใจ โดยสามารถชนะได้ทั้งในปี 2023 และ 2024 ที่ผ่านมา
จักรยานคลาสสิก ที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลก
Paris-Roubaix ไม่ใช่เพียงการแข่งขันจักรยานคลาสสิกเท่านั้น แต่เป็นการทดสอบขีดจำกัดของมนุษย์ ทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นการแข่งขันที่ไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีลูกเล่น มีเพียงพลังและความมุ่งมั่นเท่านั้นที่จะพาคุณไปถึงเส้นชัย
แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่นรกแห่งทิศเหนือ ยังคงยืนหยัดเป็นสัญลักษณ์ของความดั้งเดิม ความดุดัน และความเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของกีฬาจักรยาน เป็นการแข่งขันที่จะยังคงสร้างตำนานและวีรบุรุษผู้พิชิตเส้นทางที่ยากลำบากนี้ไปอีกหลายทศวรรษ
แฟนกีฬาติดตามข่าวสาร ตารางการแข่งขัน และผลการแข่งขันของกีฬารอบโลกได้ที่ Siamintelligence เว็บไซต์ Sport News ที่พร้อมอัปเดตทุกการเคลื่อนไหวในวงการสปอร์ตดีที่สุดในตอนนี้