เรื่องราวสะเทือนใจของครอบครัวหนึ่งในประเทศจีนได้สร้างความสนใจให้กับผู้คนจำนวนมาก เมื่อได่หลิว หญิงสาวที่เกิดในปี 1983 ที่เมืองหวางกัง มณฑลหูเป่ย์ ตัดสินใจหนีออกจากบ้านเป็นเวลา 20 ปี หลังจากถูกพ่อบังคับให้เรียนในสิ่งที่เธอไม่ต้องการ
ได่หลิวเป็นเด็กเรียนเก่ง มีความหลงใหลในด้านวรรณกรรมและตั้งใจจะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่ความฝันของเธอถูกทำลายโดยพ่อของเธอเอง เมื่อเขาแอบเปลี่ยนตัวเลือกการเข้ามหาวิทยาลัยของเธอให้เป็นมหาวิทยาลัยการเมืองและกฎหมายจีนแทน ซึ่งเป็นที่ที่พ่อเคยใฝ่ฝันอยากเรียนแต่ไม่สำเร็จ
แม้ว่าได่หลิวจะพยายามต่อต้าน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเข้าเรียนตามความต้องการของพ่อ ตลอดระยะเวลา 4 ปีในมหาวิทยาลัย เธอไม่เคยมีความสุขเลย ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อเริ่มห่างเหินมากขึ้นเรื่อย ๆ
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อได่หลิวได้โอกาสไปศึกษาต่อที่เกาหลี เธอตัดสินใจหนีออกจากบ้านโดยไม่บอกพ่อแม่ และไม่ได้กลับมาอีกเลยเป็นเวลา 20 ปี
ในวันแต่งงานของเธอที่เกาะเชจูในประเทศเกาหลีใต้ ได่หลิวโทรศัพท์ไปหามารดาและพูดเพียงประโยคสั้นๆ ว่า "แม่คะ หนูกำลังจะแต่งงาน และอาจจะไม่กลับบ้านอีกแล้ว" เมื่อแม่ของเธอกล่าวคำขอโทษ เธอตอบกลับอย่างเย็นชาว่า "แม่ยังมีชีวิตอยู่ดี และหนูจะไม่กลับไปที่นั่น"
ปัจจุบัน ได่หลิวใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะเชจู เปิดบ้านพักเล็ก ๆ พร้อมกับร้านชา โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมวัฒนธรรมชาของจีน แม้ว่าเวลาจะผ่านไป และเธอเริ่มติดต่อกับพ่อเป็นระยะ ๆ แต่รอยแผลในใจที่เกิดขึ้นตั้งแต่อายุ 16 ปีนั้น ดูเหมือนจะยังคงยากที่จะรักษาให้หายสนิทได้
เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อพ่อแม่พยายามบังคับลูกให้ทำตามความต้องการของตนเองมากเกินไป และเป็นเครื่องเตือนใจให้ครอบครัวตระหนักถึงความสำคัญของการรับฟังและเคารพความต้องการของลูกในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ กำลังสนุกสนานกับการเล่น ได่หลิวกลับมุ่งมั่นกับการเรียนและไม่เคยละเลยการศึกษา พ่อแม่ของเธอรู้สึกภูมิใจและหวังว่าเธอจะเติบโตเป็นคนที่มีความสามารถ ได่หลิวไม่เคยทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ตั้งแต่เด็กจนโต เธอมักจะเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีที่สุดในทุกการสอบ เธอมีความหลงใหลในด้านวรรณกรรมและตั้งใจที่จะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง