วันที่ 15 กันยายน 2567 วงการการเมืองไทยสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อนาย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และนักร้องเรียนคนสำคัญ ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ถอดถอนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่มีการละเมิดจริยธรรมร้ายแรงจากการแต่งตั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
ประเด็นสำคัญของคำร้องนี้ เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งบุคคลที่มีประวัติด่างพร้อยทางกฎหมายให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมที่ถูกกล่าวถึงนั้น มีทีมงานที่เคยถูกศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี โดยให้รอลงอาญา ในข้อหาทุจริตการเลือกตั้ง พร้อมทั้งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายชื่อดัง ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเตือนว่าไม่ควรมองข้ามความสำคัญของคำร้องนี้ เขาชี้ให้เห็นว่ากรณีนี้อาจเทียบเคียงได้กับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเสถียรภาพของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
นายไพศาลยังแสดงความกังวลว่า หากคำร้องนี้ได้รับการพิจารณาตามบรรทัดฐานของคดีก่อนหน้า อาจส่งผลให้รัฐบาลชุดนี้มีอายุเพียง 3-6 เดือนเท่านั้น ซึ่งจะเป็นการสั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทยอย่างรุนแรง
การยื่นคำร้องของนายเรืองไกรครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของจริยธรรมในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการคัดเลือกบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล
ขณะนี้ ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่การพิจารณาของ ป.ป.ช. ว่าจะมีความเห็นอย่างไรต่อคำร้องนี้ และจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลมากน้อยเพียงใด ในขณะเดียวกัน ประชาชนและนักวิเคราะห์การเมืองต่างรอคอยการชี้แจงจากทางรัฐบาลเกี่ยวกับประเด็นนี้
ท้ายที่สุด การยื่นคำร้องของนาย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้สังคมไทย ตระหนักถึงความสำคัญของจริยธรรมและธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยของไทยในระยะยาว