เงินบาทแข็งค่า เงินบาทไทยเปิดตลาดเช้านี้ (26 ส.ค.) ที่ระดับ 33.98 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปิดของสัปดาห์ก่อนที่ 34.25 บาทต่อดอลลาร์ สะท้อนถึงความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในตลาดการเงินโลก
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนจาก Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย ได้ให้มุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ โดยคาดการณ์ว่ากรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้จะอยู่ที่ 33.75-34.40 บาทต่อดอลลาร์ และสำหรับวันนี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.85-34.05 บาทต่อดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา มาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐและการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ซึ่งเป็นผลมาจากถ้อยแถลงล่าสุดของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) Jerome Powell
ถ้อยแถลงดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าเฟดอาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้ แต่ยังเพิ่มความเป็นไปได้ที่เฟดอาจเร่งลดดอกเบี้ยถึง 50 basis points ในการประชุมที่เหลือของปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อประคองตลาดแรงงานสหรัฐฯ ไม่ให้ชะลอตัวลงมากเกินไป
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยรวมประมาณ 100 basis points ในปีนี้ และอีกราว 125 basis points ในปีหน้า ซึ่งส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นทะลุระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรจับตาปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้
1. ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB)
2. รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น
3. แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ECB และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
4. ทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
5. การเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะทองคำและน้ำมันดิบ
นายพูนยังคงมุมมองว่าการแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลง เนื่องจากระดับปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยบวกไปมากแล้ว โดยระบุโซนแนวรับถัดไปที่ 33.75-33.80 บาทต่อดอลลาร์ และโซนแนวต้านแรกที่ 34.00-34.10 บาทต่อดอลลาร์
ในส่วนของเงินดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าการอ่อนค่าอาจชะลอลงเช่นกัน เนื่องจากตลาดได้รับรู้แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปมากแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังควรติดตามสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสและผลประกอบการของบริษัท Nvidia ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางของเงินดอลลาร์ได้