ศาลเกาหลีใต้อนุมัติให้ลูกชาย 2 คน สละสิทธิ์การเลี้ยงดูแม่ชรา อ้างถูกทอดทิ้งตั้งแต่เด็ก

เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความสนใจและเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมเกาหลีใต้ เมื่อศาลมีคำตัดสินอนุญาตให้ลูกชาย 2 คนสามารถสละสิทธิ์ในการเลี้ยงดูแม่ชราวัย 87 ปีได้ คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อสำนักงานกิจการสังคมพยายามเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการย้ายที่อยู่ของหญิงชราซึ่งป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมจากลูกชายทั้งสองคน แต่ลูกชายได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ยกเว้นภาระการเลี้ยงดูแม่

ในการพิจารณาคดี ผู้พิพากษาได้รับฟังข้อมูลสำคัญหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการที่หญิงชราชื่อ "อามิ" ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับพ่อของลูกชายทั้งสองคน และหลังจากที่ลูกชายเกิด พวกเขาถูกส่งไปให้พ่อบุญธรรมเลี้ยงดู นอกจากนี้ ยังพบว่าหญิงชราไม่มีทรัพย์สินในชื่อของตนเอง และมีรายได้ไม่เพียงพอในการดำรงชีวิต เนื่องจากป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมและสูญเสียการได้ยิน ทำให้ไม่สามารถดูแลตัวเองได้

ลูกชายคนโตให้การว่า ทั้งเขาและน้องชายอาศัยอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด โดยไม่รู้ว่าแม่อยู่ที่ไหนและไม่เคยได้รับการดูแลหรือเลี้ยงดูจากแม่เลย น้องชายถูกส่งไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่เล็กๆ จนกระทั่งพ่อบุญธรรมสามารถเลี้ยงดูได้ จึงรับกลับมาเลี้ยงดูจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังจากนั้นลูกชายคนโตจึงเริ่มเลี้ยงดูน้องชายด้วยตัวเอง

ผู้พิพากษาพิจารณาว่า ในฐานะแม่ ควรปฏิบัติตามภาระการเลี้ยงดูบุตรตามกฎหมาย แต่ลูกของเธอกลับไม่ได้รับสิ่งนั้นตั้งแต่เล็กจนโต โดยที่เธอไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกได้โดยไม่มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลจึงมีคำพิพากษาว่า ลูกทั้ง 2 คนควรได้รับการยกเว้นจากภาระในการเลี้ยงดูแม่

คำตัดสินนี้สร้างความสนใจและเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมเกาหลีใต้อย่างกว้างขวาง โดยมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล บางคนมองว่าเป็นการตัดสินที่ยุติธรรม เนื่องจากแม่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนในการเลี้ยงดูลูก ในขณะที่บางคนเห็นว่าเป็นการทำลายค่านิยมดั้งเดิมของสังคมเกาหลีที่ให้ความสำคัญกับความกตัญญูและการดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว คดีนี้จึงเป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างสมดุลระหว่างความรับผิดชอบทางกฎหมายและค่านิยมทางสังคมในยุคปัจจุบัน