วันที่ 19 สิงหาคม 2567 นับเป็นวันสำคัญสำหรับนักลงทุนรายย่อย ที่มองหาทางเลือกในการออมเงินที่ปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เมื่อกระทรวงการคลังเปิดจำหน่าย "พันธบัตรออมทรัพย์" รุ่นใหม่ ผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่าย 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
พันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นนี้มีวงเงินรวมทั้งสิ้น 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสองรุ่นอายุ คือ รุ่นอายุ 5 ปี และรุ่นอายุ 10 ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่น่าดึงดูดใจ สูงสุดถึง 3.4% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ
จุดเด่นของการจำหน่ายครั้งนี้ คือการใช้วิธีจัดสรรแบบ สมอล ลอท เฟิร์ส (small lot first) ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยได้มีสิทธิ์ในการจองซื้อก่อน เพื่อกระจายโอกาสการลงทุนอย่างทั่วถึง โดยผู้สนใจสามารถจองซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 19-21 สิงหาคม 2567 ผ่านช่องทางของธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 6 แห่ง
นักวิเคราะห์การเงินให้ความเห็นว่า พันธบัตรออมทรัพย์รุ่นนี้ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว และต้องการความมั่นคงสูง เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และได้รับการค้ำประกันโดยรัฐบาล อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนที่แน่นอนและสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคารทั่วไป
วิธีการจัดสรรแบบ Small Lot First จะทยอยจัดสรรพันธบัตรเป็นรอบๆ โดยทวีคูณรอบละ 1,000 บาท จนครบผู้ซื้อทุกราย หากวงเงินในรอบสุดท้ายไม่เพียงพอ ระบบจะใช้วิธีการสุ่ม (Random) เพื่อความยุติธรรม
ผู้จองซื้อจะทราบผลการจัดสรรและได้รับเงินคืน (กรณีไม่ได้รับจัดสรรหรือได้รับไม่ครบ) ในวันที่ 22 สิงหาคม 2567
นอกจากนี้ สบน. ยังเปิดจำหน่ายพันธบัตรให้แก่นิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไรที่กระทรวงการคลังกำหนด ในวันที่26-27 สิงหาคม2567 วงเงิน 5,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี โดยจัดสรรแบบ First-come, First-served
การเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นโอกาสดีสำหรับประชาชนในการลงทุนแล้ว ยังเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในการระดมทุนเพื่อพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลจึงเป็นทั้งการสนับสนุนการพัฒนาประเทศและการรักษาความมั่นคงทางการเงินของตนเองไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้สนใจควรพิจารณาเงื่อนไขการลงทุนอย่างละเอียด โดยเฉพาะในเรื่องของระยะเวลาการถือครอง เนื่องจากพันธบัตรประเภทนี้มักมีข้อจำกัดในการไถ่ถอนก่อนกำหนด ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีแผนการเงินระยะยาวและไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินในช่วงระยะเวลาดังกล่าว