เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มชาวกัมพูชาในประเทศญี่ปุ่นได้รวมตัวกันประท้วงแสดงความไม่เห็นด้วยต่อโครงการพัฒนาเขตสามเหลี่ยม Cambodia-Laos-Vietnam Development Triangle Area (CLV DTA) โครงการนี้ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 144,341 ตารางกิโลเมตร โดยมีประชากรรวมประมาณ 7.87 ล้านคน ใน 13 แขวง/จังหวัดของทั้งสามประเทศ
แม้ว่าโครงการ CLV DTA จะถูกริเริ่มขึ้นด้วยเจตนาดีในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งสาม แต่ชาวกัมพูชาจำนวนมากกลับแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดต่างๆ ของกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่โครงการ
โครงการนี้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญหลายแห่ง ได้แก่ 4 แขวงในลาว (สาละวัน, จำปาสัก, เซกอง และอัดตะปือ) 4 จังหวัดในกัมพูชา (สตึงเตรง, รัตนคีรี, มณฑลคีรี และกระแจะ) และ 5 จังหวัดในเวียดนาม (ดั๊กลัก, ยาลาย, กอนตูม, ดักโนง และบิ่ญเฟือก)
ผู้ประท้วงชาวกัมพูชาแสดงความกังวลว่าโครงการนี้อาจนำไปสู่การโยกย้ายถิ่นฐานของประชาชนจำนวนมาก และการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ เช่น ป่าไม้และแม่น้ำ ซึ่งเป็นแหล่งชีวิตของชุมชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงสิทธิในที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ ที่อาจถูกควบคุมโดยภาครัฐหรือบริษัทขนาดใหญ่จากต่างชาติ
การประท้วงในญี่ปุ่นครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความไม่พอใจและความกังวลของชาวกัมพูชาต่อโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อวิถีชีวิตของพวกเขา แม้ว่าผู้พัฒนาโครงการจะอ้างว่า CLV DTA จะนำมาซึ่งการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองให้กับภูมิภาค แต่สำหรับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พวกเขาอาจต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์ในวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมของตนเอง
การรวมตัวประท้วงในญี่ปุ่นครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลทั้งสามประเทศทบทวนและพิจารณาแผนการพัฒนาให้ครอบคลุมถึงความเป็นอยู่และสิทธิของประชาชนในพื้นที่อย่างถี่ถ้วน โดยหวังว่าจะมีการปรับปรุงโครงการให้เกิดความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชุมชนในเขตสามเหลี่ยมนี้
เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขา และเป็นการเรียกร้องให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง