สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนจีน-พม่าทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ทางการจีนต้องเพิ่มกำลังทหารและตำรวจในการลาดตระเวนตามแนวชายแดนฝั่งตะวันตกที่ติดกับพม่า การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลทหารพม่าและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทวีความรุนแรงขึ้น จนส่งผลกระทบถึงพื้นที่อยู่อาศัยของพลเรือนในจีน
เหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้จีนต้องเพิ่มความเข้มงวดคือ มีกระสุนปืนใหญ่ตกลงในพื้นที่อยู่อาศัยของพลเรือนในจีน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและบ้านเรือนเสียหาย ทางการจีนจึงประกาศว่าจะมีการลาดตระเวนทั้งทางบกและทางอากาศในเมืองสำคัญตามแนวชายแดน เช่น เมืองรุ่ยลี่ เจิ้นคัง และเมืองอื่นๆ ที่ติดกับรัฐฉานของพม่า
ความพยายามในการรักษาสันติภาพของจีนไม่ใช่เรื่องใหม่ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา จีนได้ทำข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มต่างๆ ในพม่า แต่น่าเสียดายที่ข้อตกลงดังกล่าวถูกทำลายลงตั้งแต่เดือนมิถุนายน ส่งผลให้สถานการณ์กลับมารุนแรงอีกครั้ง
กลุ่มต่อต้านรัฐบาลพม่าอ้างว่าได้บุกเข้ายึดฐานทัพและเมืองสำคัญหลายแห่ง ส่งผลให้ประชาชนนับพันต้องอพยพหนีภัย ในขณะที่กองทัพพม่าตอบโต้ด้วยการทิ้งระเบิด โจมตีด้วยโดรน และจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ
ในการรับมือกับสถานการณ์นี้ กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนแห่งภาคใต้ได้จัดตั้งหน่วยทหารพิเศษเพื่อทดสอบความสามารถในการ "เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ปิดกั้น ควบคุม และโจมตีร่วมกัน" รวมถึงการรักษาความปลอดภัยและเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน
นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ยืนยันว่าจีนยังคง "มุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพในพม่า" แสดงให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้าน
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาค และความท้าทายในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงตามแนวชายแดน ในขณะที่จีนพยายามรักษาดุลยภาพระหว่างการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและการสนับสนุนเสถียรภาพในประเทศเพื่อนบ้าน สถานการณ์นี้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป